เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวนายรัตนะ เฮง สัญชาติกัมพูชา ผู้ต้องหมายจับศาลอาญาที่ 1154 / 2561 ลงวันที่ 30 พฤษภาคม 2561 ในความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน เดินทางจากประเทศกัมพูชามายังประเทศไทย
ก่อนหน้านี้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พร้อมคณะ เดินทางไปที่กองบัญชาการรักษาความสงบภายในกัมพูชา เข้าพบ พล.อ.เซาเซาะคา ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาความปลอดภัยฝ่ายพลเรือน ประเทศกัมพูชา เพื่อหารือแนวทางประสานความร่วมมือการติดตามจับกุมตัว นายรัตนะ เฮง สัญชาติกัมพูชา หลังสืบจากหนังสือเดินทางพบว่านายรัตนะ เป็นผู้ทำเว็บไซต์ข่าวปลอม ชื่อ Ratstas.com พาดหัวข่าวว่า "บิ๊กตู่ ฟิวขาด ด่ากราด ไล่ให้เติมน้ำเปล่า แทนดีเซล อย่าโง่ วอนประชาชนอย่าเรื่องมาก" อันเปนการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โจมตีรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยใช้ประเทศกัมพูชาเป็นฐานที่มั่นกบดาน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวนายรัตนะ ได้ที่ห้างซาเตียนเมียนเจย กลางกรุงพนมเปญ ขณะเดินซื้อสินค้าภายในห้างฯ ดังกล่าว จึงคุมตัวนายรัตนะ มาสอบสวน ซึ่งให้การแบ่งรับแบ่งสู้ อ้างว่าเว็บไซต์ดังกล่าวจดในนามของตนจริง ซึ่งการเปิดสมัครเว็บไซต์ที่ประเทศกัมพูชา จำเป็นต้องมีการยืนยันตัวบุคคลด้วยเลขหน้าบัตรเครดิต แต่เพื่อนที่ชื่อหลุยส์ เป็นผู้ขอให้เปิดเว็บไซต์ดังกล่าวให้ อีกทั้งยังอ้างว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นกับการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบ พร้อมกล่าวขอโทษกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ที่สร้างความเสียหายให้กับรัฐบาล
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เว็บไซต์ดังกล่าวจดทะเบียนโดยนายรัตนะ มีการสร้างข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยรอบปีนี้มีการนำข้อมูลอันเป็นเท็จถึง 3 ครั้ง มีการบิดเบือนข้อมูลการสัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรี 1 ครั้ง บิดเบือนด้านนโยบายรัฐบาล 1 ครั้ง และโจมตีการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในจังหวัดนครราชสีมาอีก 1 ครั้ง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหานำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่คอมพิวเตอร์ ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 14 และ 17 ของพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับเป็นเงิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อหาตามมาตรา 116 ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยกทางการเมืองในประเทศไทย ก่อนคุมตัวไปสอบสวนขยายผลว่ามีผู้ใดอยู่เบื้องหลังในการจ้างวานเพื่อบิดเบือนข่าวสารหรือไม่ เพื่อดำเนินคดี ก่อนนำตัวฝากขังที่ศาลอาญาในวันนี้ต่อไป