พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พร้อมเจ้าหน้าที่ แถลงผลจับกุมกวาดล้างชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศอย่างผิดกฎหมาย โดยสามารถจับกุมได้ 44 คน แบ่งเป็น ความผิดฐานเป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยสิ้นสุดการอนุญาต หรือโอเวอร์สเตย์ 11 ราย เป็นชาวอินเดีย 6 ราย อุซเบกิสถาน 2 ราย ไนจีเรียและกินี ชาติละ 1 ราย และความผิดฐานเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต 31 ราย เป็นชาวอินเดีย 9 ราย พม่า 7 ราย ลาว 5 ราย กัมพูชา 4 ราย ไนจีเรีย 3 ราย บังกลาเทศ 2 ราย และอุซเบกิสถาน 1 ราย
นอกจากนี้ ยังมีการจับกุมขบวนการค้ามนุษย์สัญชาติอูกันดา มีคนร้าย 6 คน จับกุมได้ 1 ราย อีก 5 ราย หลบหนี ประกอบด้วย น.ส.แคทเธอรีน บาบัส ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ เลขที่ จ.346/61 ข้อหาสมคบกันค้ามนุษย์ ขณะนี้รับใช้โทษอยู่ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง คลองเปรมแล้ว ยังเหลือ น.ส.อลันดา หรือนิกกี้ และ น.ส.โจโจ ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ เลขที่ จ.344/2561และจ.342/2561 ข้อหาสมคบกันค้ามนุษย์ ที่ คาดว่าน่าจะยังหลบหนีอยู่ในประเทศไทย โดยทั้ง 3 คนนั้นเป็นคนคุมหญิงอูกันดาในไทย
ส่วน น.ส.โซฟี ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ เลขที่ 345/2561 น.ส.ดีเมดา หมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ เลขที่ จ.343/2561 และนายลาบาติล หมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ เลขที่ จ.347/2561 เป็นนายหน้าหลอกเหยื่อที่ประเทศอูกันดา ถูกแจ้งข้อหาสมคบกันค้ามนุษย์เช่นกัน
สำหรับพฤติกรรมการก่อเหตุ คนร้ายจะหลอกลวงหญิงอูกันดาจากประเทศ โดยใช้อุบายหลอกว่าจะพามาทำงานเป็นแม่บ้าน หรือแคชเชียร์ในไทย โดยพาขึ้นเครื่องบินมาทำวีซ่าเข้าไทย ณ ประเทศเคนยาก่อน แต่เมื่อมาถึงประเทศไทยแล้ว ก็จะได้ยึดหนังสือเดินทาง แล้วพาไปขายตัวที่ซอยนานา ย่านสุขุมวิท ชดใช้หนี้ที่อ้างว่าติดอยู่ประมาณ 6,000-7,000 เหรียญสหรัฐ โดยมีค่าตัวอยู่ที่คนละ 1,000 บาท ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นฝรั่งผิวขาว คนผิวสี และคนอินเดีย
ทั้งนี้ ทางขบวนการจะมีคนคุมตัวไว้ไม่ให้หลบหนี โดยพาไปพักกักตัวไว้ที่คอนโดมิเนียมย่านอาร์ซีเอ เมื่อครบกำหนดวีซ่า 60 วัน ก็พาไปขายบริการต่อที่มาเลเซียเพื่อทำวีซ่าเข้าไทยใหม่ เพื่อขายบริการต่อ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการจับกุมขบวนการค้ามนุษย์ทั้งหมดต่อไป