วันนี้ (30 พ.ค.) เวลา 09.00 น. ศาลแขวงดุสิตนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาครั้งที่ 2 คดีฉ้อโกงซื้อที่ดินและสัญญาโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย อ.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ ที่กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง กิจการร่วมค้า เอ็นวีพีเอสเคจี (NVPSKG) บริษัท วิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง นายพิษณุ ชวนะนันท์ กรรมการบริษัท วิจิตรภัณฑ์ก่อสร้างฯ บริษัท ประยูรวิศว์การช่างฯ นายสังวรณ์ ลิปตพัลลภ กรรมการบริษัท ประยูรวิศว์การช่างฯ บริษัท สี่แสงการโยธา (1979) นายสิโรจน์ วงศ์สิโรจน์กุล กรรมการบริษัท สี่แสงการโยธาฯ บริษัท กรุงธนเอนยิเนียร์ นายนิพนธ์ โกศัยพลกุล กรรมการบริษัท กรุงธนเอนยิเนียร์ฯ บริษัท เกตเวย์ดิเวลลอปเมนท์ฯ นายรอยอิศราพร ชุตาภา กรรมการบริษัท เกตเวย์ดิเวลลอปเมนท์ฯ บริษัท คลองด่านมารีน แอนด์ ฟิชเชอรี่ฯ นายชาลี ชุตาภา กรรมการบริษัท คลองด่านมารีนฯ นายประพาส ตีระสงกรานต์ กรรมการบริษัท คลองด่านมารีนฯ นายชยณัฐ โอสถานุเคราะห์ กรรมการบริษัท คลองด่านมารีนฯ บริษัท ปาล์ม บีช ดีเวลลอปเมนท์ฯ นางบุญศรี ปิ่นขยัน กรรมการบริษัท ปาล์ม บีชฯ นายกว๊อกวา โอเยง สัญชาติฮ่องกง ในฐานะผู้แทนบริษัท ปาล์ม บีชฯ และนายวัฒนา อัศวเหม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นจำเลยที่ 1-19 ในความผิดฐานฉ้อโกงการจัดซื้อที่ดิน อ.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ เนื้อที่รวม 1,900 ไร่ มูลค่า 1,900 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน แต่ที่ดินที่จัดซื้อมานั้นเป็นของกลุ่มบริษัทพวกจำเลยที่จัดหามา ซึ่งเป็นลำคลอง ถนนสาธารณะและป่าชายเลน พร้อมฉ้อโกงสัญญาก่อสร้างฯ มูลค่ากว่า 2.3 หมื่นล้านบาท
คดีนี้จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ โดยในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ ศาลแขวงดุสิตให้ยกฟ้องในส่วนของกิจการร่วมค้า NVPSKG จำเลยที่ 1 และสั่งประทับรับฟ้องคดีไว้พิจารณาเฉพาะจำเลยที่ 2 -19 คงเหลือจำเลยที่เข้าสู่กระบวนพิจารณาและมีคำพิพากษาของศาลรวม 18 รายเท่านั้น
ต่อมา เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2552 ศาลแขวงดุสิตได้อ่านคำคำพิพากษา โดยพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่ายที่นำสืบหักล้างกันแล้ว เห็นว่าพวกจำเลยกระทำผิดจริง จึงพิพากษาจำคุกจำเลยที่ 3, 5, 7, 9, 11, 13-15, 17, 18, และ 19 คนละ 3 ปี ส่วนจำเลยที่ 2, 4, 6, 8, 10, 12 และ 16 ปรับรายละ 6,000 บาท
ทั้งนี้ ระหว่างอุทธรณ์คดี จำเลยที่ 3, 5, 7, 9, 11 13-15, 17, 18 ได้ประกันตัวคนละ 1 ล้านบาท ส่วนนายวัฒนา จำเลยที่ 19 หลบหนีคดี ศาลจึงสั่งให้ออกหมายจับ ปรับนายประกัน พวกจำเลยยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
ต่อมา วันที่ 19 พฤศจิกายน 2556 ศาลแขวงดุสิตได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ช่วงเวลาที่บริษัท ปาล์ม บีชฯ จำเลยที่ 16 ซื้อที่ดินเพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียฯ ยังไม่แน่ชัดว่าโครงการฯ จะใช้ที่ดินบริเวณใดบ้าง โดยกรมควบคุมมลพิษเพิ่งมีโครงการชัดเจนว่า จะใช้ที่ดิน ต.คลองด่าน ในเดือนกุมภาพันธ์ 2539 พยานหลักฐานโจทก์จึงยังไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ว่า พวกจำเลยเข้ามาเกี่ยวข้องหรือดำเนินการใดๆ ให้คณะกรรมการคัดเลือกของกรมควบคุมมลพิษเลือกที่ดินของบริษัท คลองด่านมารีนฯ จำเลยที่ 12 อุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 -19 ฟังขึ้น พิพากษากลับให้ยกฟ้องจำเลย
ต่อมากรมควบคุมมลพิษได้ยื่นฎีกา ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษพวกจำเลยด้วย กระทั่งวันที่ 7 มีนาคม 2561 ศาลแขวงดุสิตได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีนี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงวันนัด ศาลแขวงดุสิตได้มีคำสั่งเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีนี้ เนื่องจากจำเลยที่ 11 - 13, 15 และ 19 ไม่มาศาล โดยจำเลยบางคนยังไม่ได้รับหมายนัด เพราะเปลี่ยนแปลงที่อยู่ และจำเลยบางส่วนไม่มีเลขที่พักแน่ชัด เพราะถูกไฟไหม้ รวมทั้งจำเลยบางรายมีอาการป่วยเข้ารับการผ่าตัด ต้องใช้เวลาพักฟื้นร่างกาย ขอเลื่อนฟังคำพิพากษาฎีกาไปก่อน ศาลพิจารณาแล้วจึงให้ส่งหมายนัดใหม่ หากไม่มีผู้รับให้ปิดหมายแทน และนัดอ่านคำพิพากษาฎีกาคดีนี้อีกครั้งในวันนี้ (30 พ.ค.) เวลา 09.00 น.
สำหรับนายวัฒนา จำเลยที่ 19 หลบหนีคดีตั้งแต่ปี 2552 โดยศาลแขวงดุสิตสั่งออกหมายจับไว้แล้ว นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2551 นายวัฒนา ยังถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 10 ปี ฐานใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งโดยมิชอบ จูงใจให้เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดิน จ. สมุทรปราการ ออกโฉนดที่ดินใน อ.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ เนื้อที่ 1,900 ไร่ ให้กับบริษัท ปาล์ม บีช ดีเวลลอปเมนท์ฯ แต่นายวัฒนา หลบหนีคดีไม่มาฟังคำพิพากษา ศาลฎีกาฯ จึงสั่งออกหมายจับ เพื่อติดตามนำตัวนายวัฒนามารับโทษตามคำพิพากษา 10 ปี ซึ่งคดีดังกล่าวมีอายุความ 15 ปี