นายนิสร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกมาระบุถึงการเชิญพรรคการเมืองมาหารือและพูดคุยกับแม่น้ำ 5 สาย ว่าจะต้องรอดูกฎหมายลูกที่ขณะนี้อยู่ในกระบวนการ รวมถึง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฏร(ส.ส.) ที่ต้องรอศาลรัฐธรรมนูญแจ้งผลการพิจารณา และประกาศในราชกิจจานุเบกษาก่อน โดยมองว่ามีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะมีการเลื่อนวันนัดหารือกับพรรคการเมืองออกไป เพราะที่ผ่านมามีหลายพรรคการเมืองแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการพูดคุยหารือ เพื่อให้รัฐบาลกำหนดวันเลือกตั้ง ซึ่งตนมองว่าการพูดคุยนั้นไม่สามารถที่จะเคาะวันเลือกตั้งที่ชัดเจนได้ เพราะกฎหมาย 2 ฉบับ คือ ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และที่มาของ ส.ว. ยังไม่เสร็จ จึงน่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่รัฐบาลเลื่อนวันพูดคุยกับพรรคการเมือง
นอกจากนี้ ยังมองว่าถ้าเรียกพรรคการเมืองมาพูดคุยแล้วแต่ไม่สามารถระบุวันเลือกตั้งได้ชัดเจน จึงอาจจะไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของพรรคการเมืองก็ได้ ขณะที่รัฐบาลเองก็ไม่สามารถกำหนดวันเลือกตั้งได้ เพราะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
ทั้งนี้ ตนอยากให้แบ่งการพูดคุยออกเป็น 2 ประเด็น คือการกำหนดวันเลือกตั้ง ซึ่งหากจะเรียกพรรคการเมืองไปพูดคุยในส่วนนี้คงทำไม่ได้ เพราะร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และที่มาของ ส.ว.ยังไม่มีผลบังคับใช้ แต่ในส่วนที่รัฐบาลกับพรรคการเมืองสามารถพูดคุยได้นั้น ตนมองว่าเป็นประเด็นการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งในส่วนนี้ตนมองว่ารัฐบาลน่าจะเรียกพรรคการเมืองเข้าไปพูดคุยได้ เพื่อที่จะได้เจอกันครึ่งทาง ให้รัฐบาลปลดล็อกให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมบางส่วนที่สามารถทำได้ ให้พรรคการเมืองได้เตรียมกำหนดกฎเกณฑ์ นโยบายพรรคเตรียมความพร้อมไปสู่การเลือกตั้ง เพราะหากช้าไปกว่านี้ พรรคการเมืองก็จะทำอะไรลำบาก ถ้าไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องคุยเลยก็ได้ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อระบบการเลือกตั้งที่อาจจะเกิดข้อผิดพลาดได้ เพราะกว่าจะรอให้กฎหมายเสร็จ ถึงจะเรียกพรรคการเมืองมาพูดคุยนั้น ตนมองว่ากว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้หมดแล้ว
ส่วนการเลื่อนวันนัดคุยกับพรรคการเมือง จะส่งผลให้โรดแมปวันเลือกตั้งเลื่อนไปด้วยหรือไม่นั้น นายนิกร กล่าวว่า ตนคิดว่าน่าจะไม่กระทบ เพราะโรดแมปรัฐบาลกำหนดไว้ชัดเจนแล้ว คือจะมีการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งหากเลื่อนไปตนก็ไม่ยอม และเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้