นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีที่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร เคยถูกดีเอสไอเรียกสอบกรณีถูกกล่าวหาว่ามีความผิดฐานฟอกเงินจากคดีทุจริตปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย ให้เครือกฤษดามหานคร เนื่องจากมีการแจ้งความร้องทุกข์ไปนาน แต่ขณะนี้คดีกลับเงียบหาย
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบหลักฐานว่า เครือกฤษดามหานครได้โอนเช็คจำนวน 2 ฉบับ ให้นายพานทองแท้ ฉบับแรกพนักงานในเครือฯ ได้ซื้อเช็คจากธนาคารโดยหักจากบัญชีของเจ้าของเครือกฤษดามหานคร แล้วสั่งจ่ายเข้าบัญชีนายพานทองแท้ โดยตรง ส่วนอีกฉบับมาจากผู้บริหารในเครือฯ สั่งจ่ายเช็คมูลค่า 10 ล้านบาท เข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพของนายพานทองแท้ รวม 2 ฉบับ เป็นเงิน 36 ล้านบาท การจ่ายเช็คทั้งสองฉบับเกิดขึ้นในช่วงที่นายทักษิณ อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แล้วสั่งให้ธนาคารกรุงไทยปล่อยเงินกู้ให้เครือกฤษดามหานครด้วยวงเงิน 9,000 กว่าล้านบาท จึงมั่นใจว่าคดีนี้เกี่ยวโยงกันด้านผลประโยชน์อย่างแน่นอน
ส่วนที่มีข่าวว่าจะมีการเสนอร่างพระราชบัญญัติการเทียบตำแหน่งของข้าราชการทหารกับข้าราชการพลเรือน เพื่อให้ทหารยศพลตรีมีตำแหน่งเทียบเท่าอธิบดี นายวัชระ ระบุว่า หากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ดึงดันที่จะออกกฎหมายดังกล่าว ก็ขอให้ข้าราชการทุกหน่วยงานออกมาแสดงความเห็นส่งไปให้นายกรัฐมนตรีรับรู้ เพราะเชื่อว่าจะเป็นแรงกดดันให้ยกเลิกกฎหมายได้ แต่หากยังจะผ่านร่างใช้เป็นกฎหมายต่อ เลือกตั้งครั้งหน้าหากตัวเองได้เป็นส.ส. ก็จะเสนอยกเลิกกฎหมายฉบับนี้ทันที เพราะมองว่าไม่ควรเอาเปรียบข้าราชการหน่วยงานอื่น และเชื่อว่าการออกกฎหมายดังกล่าวเป็นการออกเพื่อเอื้อให้คนของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)และรัฐบาลเข้าไปนั่งในองค์กรอิสระต่างๆได้มากขึ้น เพื่อไว้กำหนดการทำงานของคสช. ที่อาจเป็นไปเพื่อปกปิดความผิดมากกว่าการเข้าไปสร้างผลประโยชน์ให้ประเทศ ส่วนตัวมองว่าไม่ควรออกกฎหมายเช่นนี้อีก เพราะเป็นการเอาเปรียบข้าราชการด้วยกันอย่างชัดเจน