นายวัชระ เพชรทอง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ในวันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคมนี้ จะยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อให้พิจารณาพฤติกรรมนายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยอ้างว่า นายสรศักดิ์ อยู่เบื้องหลังผลักดันขยายเวลาการก่อสร้างอาคารรัฐสภาทั้ง 3 ครั้ง ไม่ดำเนินโครงการแบบจำลองอาคารรัฐสภาทองคำเฉลิมพระเกียรติของรัชกาลที่ 10 ให้เสร็จสิ้นตามโครงการของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งถือว่าเป็นความบกพร่องในหน้าที่อย่างร้ายแรง และไม่ใส่ใจคำบัญชาของนายกรัฐมนตรี ที่ทำหนังสือให้ใช้จ่ายงบประมาณอย่างคุ้มค่าและประหยัด ทั้งที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าอย่าให้มีปัญหาเช่นเดิม แต่นายสรศักดิ์ กลับส่งงบประมาณเท่าเดิมให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งหากนำมาเทียบกับกรณีที่นายกรัฐมนตรีเคยมีคำสั่งย้ายนายจเร พันธุ์เปรื่อง อดีตเลขาธิการสภาฯ ไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยอ้างเหตุผลว่าก่อสร้างอาคารรัฐสภาล่าช้า ก็ถือว่ามีความผิดมากกว่า เพราะการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ล่าช้ายิ่งกว่า อีกทั้งมีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริตด้วย จึงอยากให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาว่า นายสรศักดิ์ ยังสมควรอยู่ในตำแหน่งต่อไปหรือไม่ ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้มาตรา 44 แต่สามารถใช้กฎหมายปกติดำเนินการได้ทันที เช่นเดียวกับการโยกย้ายปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
นายวัชระ เปิดเผยด้วยว่า ได้ทำหนังสือถึง น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เพื่อทวงถามความคืบหน้ากรณีที่ผู้บริหารสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร อ้างความเห็นข้าราชการกรมบัญชีกลาง ว่าสามารถใช้วิธีคัดเลือกการจัดจ้างผู้รับจ้างติดตั้งระบบไอซีทีของอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ได้ ทำให้ไม่มีการประมูลเป็นการทั่วไป และยื่นหนังสือถึงนายวิจารย์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ว่าถูกต้องตามแบบแปลนตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 2/2554 เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2554 หรือไม่ ที่ให้สร้างอาคารเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน แต่การก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่กลับของบประมาณเพิ่มเติมอีก 8,648 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งของการของบประมาณเพิ่มเติมคือการจัดซื้อเครื่องปรับอากาศ ทั้งยังปรากฏคำสัมภาษณ์ของผู้แทนบริษัทผู้รับจ้างก่อสร้างอาคารรัฐสภาว่า เมื่ออาคารสร้างเสร็จแล้ว มีเรื่องที่น่ากังวลคือการทดสอบไฟที่อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ คำนวณแล้วเป็นการใช้ไฟ 2 อำเภอรวมกัน จึงเห็นว่าน่าจะเป็นการก่อสร้างที่ผิดแบบแปลนไปจากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติภายใต้เงื่อนไขให้ปฏิบัติตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติดังกล่าว