นายประยุทธ เขียวหวาน ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า ในพื้นที่เชิงเขาพนมสวาย ตำบลนาบัว อำเภอเมืองสุรินทร์ และตำบลไพล อำเภอปราสาท มีการทำเหมืองหินอย่างต่อเนื่อง ทั้งเหมืองหินเดิมและกำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งส่งผลให้เกิดบ่อจากการทำเหมือง มีความลึกเฉลี่ยประมาณ 20 เมตร จำนวน 12 บ่อ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 860 ไร่ โดยสภาพปัจจุบันทิ้งร้างไม่ได้ใช้ประโยชน์ ซึ่งมีน้ำขังอยู่ในบ่อกว่า 27 ล้านลูกบาศก์เมตร ในช่วงหน้าแล้ง ประชาชนได้สูบน้ำขึ้นมาใช้อุปโภค บริโภค และการเกษตร แต่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก ภาคเอกชน โดยสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสุรินทร์ จึงได้เสนอโครงการพัฒนาและฟื้นฟูเหมืองหินอุตสาหกรรมเพื่อการก่อสร้างและการท่องเที่ยว งบประมาณจำนวน 100 ล้านบาท เข้าที่ประชุม ครม.สัญจร ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ในวันที่ 8 พฤษภาคมนี้
ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสุรินทร์ ชี้แจงว่า การพัฒนาเหมืองหินดังกล่าว เป็นโครงการสุรินทร์โมเดล ในการพัฒนาและฟื้นฟูพื้นที่เหมืองเก่า โดยการก่อสร้างถนนคอนกรีต ระบบไฟฟ้า เครื่องสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ ปรับภูมิทัศน์ รวมทั้งเชื่อมบ่อเก็บกักน้ำทั้ง 12 บ่อเข้าด้วยกัน จะทำให้มีแหล่งเก็บน้ำขนาดใหญ่ ปริมาณเพิ่มขึ้นกว่า 44 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถนำน้ำมาใช้ประโยชน์ด้านการเกษตร ในพื้นที่ 1,590 ไร่ และเป็นการเพิ่มพื้นที่แก้มลิงกักเก็บน้ำเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมในฤดูน้ำหลากและแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง นอกจากนี้ ยังจะเกิดการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เชื่อมโยงไปสู่แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ใกล้เคียง ก่อให้เกิดแหล่งสร้างงาน สร้างรายได้ และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนดีขึ้น