พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังการประชุมหัวหน้าหน่วยงานกรุงเทพมหานคร ว่า ปัญหาทางเท้าเป็นปัญหาที่ประชาชนร้องเรียนถึงสภาพชำรุดเสียหาย ผิวทางเท้าขรุขระ มีสิ่งกีดขวางทางเท้าและมีน้ำขัง สร้างความไม่สะดวกในการสัญจรอย่างมาก ดังนั้น กรุงเทพมหานครจึงได้วางแนวทางปรับปรุงทางเท้าสาธารณะ ดูแลสภาพแวดล้อมและจัดสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อรองรับการใช้งานของประชาชนทุกกลุ่ม โดยกำหนดพื้นที่นำร่องระยะแรกที่ต้องดำเนินการปรับปรุงทางเท้าสภาพแวดล้อมให้สวยงาม คือบริเวณแยกราชประสงค์ ต่อเนื่องถึงถนนราชปรารภ บริเวณย่านประตูน้ำ เนื่องจากจุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ใจกลางเมืองที่มีระบบขนส่งมวลชนเชื่อมต่อได้อย่างสะดวก และเป็นจุดเศรษฐกิจการค้าที่สำคัญของเมือง โดยแยกราชประสงค์มีประชาชนนักท่องเที่ยวใช้งานสัญจรผ่านในเส้นทางวันละกว่า 100,000 ราย ดังนั้น การพัฒนาให้เป็นพื้นที่เหมาะสมสวยงามจะช่วยให้การเข้าถึงพื้นที่สะดวกมากยิ่งขึ้น และช่วยส่งเสริมให้พื้นที่เป็นจุดสนใจ เป็นพื้นที่ที่มีระเบียบเรียบร้อยและมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า การปรับปรุงแยกราชประสงค์ในขณะนี้ กรุงเทพมหานครได้ร่วมหารือกับกลุ่มผู้ประกอบการย่านราชประสงค์เพื่อกำหนดรูปแบบการพัฒนาพื้นที่ ซึ่งภาคเอกชนรวมตัวกว่า 16 หน่วยงาน จะร่วมกับพัฒนาพื้นที่ โดยเป็นผู้ร่วมจัดสรรงบประมาณในการพัฒนาเองทั้งหมด ไม่มีการใช้งบประมาณของกรุงเทพมหานครใดๆ ทั้งสิ้น โดยมีการดำเนินการดังนี้ 1. ถนนราชดำริ (ช่วงแยกราชประสงค์ถึงแยกประตูน้ำ) ด้วยการตีเส้นลดความกว้างช่องจราจรจาก 3.85 เมตร เป็น 2.90 เมตร และปรับระยะคันหินทางเท้าพร้อมท่อระบายน้ำ 2. การพัฒนาคลองซุง และส่งเสริมการท่องเที่ยวจัดทำถนนคนเดินและทางเชื่อมรถไฟฟ้ากับท่าเรือ 3.การพัฒนาท่าเรือประตูน้ำ ย้ายท่าเรือ ทางเชื่อมถนนราชดำริและคลองซุง และ 4. การพัฒนาสกายวอล์ก ถนนราชดำริ (ช่วงแยกราชประสงค์ถึงแยกประตูน้ำ) ขยายสกายวอล์กให้เชื่อมสถานีแอร์พอร์ตเรลลิงก์ ราชปรารภ
ซึ่งในการดำเนินการดังกล่าว ผู้ประกอบการย่านราชประสงค์จัดงบประมาณดำเนินการรวม 200 ล้านบาท และขณะนี้ทางผู้ประกอบการฯ อยู่ระหว่างการออกแบบโครงการ เมื่อแบบแล้วเสร็จก็จะนำเสนอต่อสำนักการโยธากรุงเทพมหานครพิจารณาก่อนดำเนินการ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2561 ซึ่งเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ จะเป็นการช่วยผลักดันการสร้างผังเมืองท่องเที่ยวในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศไทย ตลอดจนส่งเสริมพัฒนาให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนต่อไป