นายชาตรี อรรจนานันท์ อธิบดีกรมการกงสุล เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาระบบออกหนังสือเดินทาง หรือ พาสปอร์ต (Passport) ให้กับประชาชนนั้น จะมีอายุ 5 ปี ทั้งนี้ เพื่อให้การทำงานของกรมการกงสุล เป็นการให้บริการประชาชนตามมาตรฐานสากลให้เกิดความสะดวกรวดเร็ว จึงจะเพิ่มทางเลือกให้กับประชาชนให้สามารถเลือกรับหนังสือเดินทางที่มีระยะเวลา 5 ปี หรือ 10 ปีได้ จึงมีการพิจารณาว่าการออกหนังสือเดินทางในแบบ 5 ปีเพียงอย่างเดียวนั้น ใช้สำหรับผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงทางใบหน้า ขณะที่การออกหนังสือเดินทาง 10 ปี จะเป็นทางเลือกให้กับประชาชนที่บรรลุนิติภาวะแล้ว โดยสามารถเลือกที่จะใช้แบบ 5 ปี หรือ 10 ปีได้ เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือก และเป็นการลดความถี่ในการเดินทางมาติดต่อราชการ เกิดความคุ้มค่า ประหยัด และสอดคล้องกับการเดินทางไปยังบางประเทศที่ให้อายุการตรวจลงตรา 10 ปี โดยคาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ประมาณกลางปีหน้า
สำหรับค่าบริการในส่วนของ 5 ปี ยังคงเดิมที่ 1,000 บาท ส่วน 10 ปีนั้น อยู่ระหว่างกำหนดราคาที่เหมาะสม
นอกจากนี้ ยังจะมีความเปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการให้บริการหนังสือเดินทาง ทั้งเรื่องของการออกแบบรูปเล่มของหนังสือเดินทาง เพิ่มเติมการเก็บรายละเอียดรายบุคคลจากเดิมมีการเก็บข้อมูลลายนิ้วมือ รูปใบหน้า เป็นการเก็บข้อมูลม่านตาเพิ่มเติม ซึ่งจะป้องกันการปลอมแปลงเอกสาร และได้รับความสะดวกเมื่อต้องเดินทางไปยังประเทศที่ใช้วิธีการตรวจแบบออโต้เกต (auto gate) รวมทั้งแก้ปัญหากรณีผู้ที่มีปัญหาลายพิมพ์นิ้วมือได้
อธิบดีกรมการกงสุล กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการกงสุลดำเนินโครงการทำหนังสือเดินทางสัญจรในจังหวัดที่ไม่มีสำนักงานกรมการกงสุลตั้งอยู่ โดยในวันที่ 7-11 พฤษภาคมนี้ จะให้บริการประชาชนที่ จ.บุรีรัมย์ จึงขอเชิญประชาชนจังหวัดบุรีรัมย์และใกล้เคียงมาใช้บริการได้