วันนี้ (26 เม.ย.) นายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป ในฐานะผู้รับมอบอำนาจจาก น.ส.นวลฉวี เกตุวัฒนเวสน์ กับพวก ซึ่งเป็นสมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น รวม 412 คน เดินทางไปยังศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เพื่อยื่นฟ้องสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด และนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯ ซึ่งปัจจุบันถูกคุมขังในเรือนจำจากคดียักยอกสหกรณ์คลองจั่น เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 จากเหตุปกปิดข้อเท็จจริงในการดำเนินงานของสหกรณ์ฯ จนหลงเชื่อร่วมเป็นสมาชิก มูลค่าความเสียหายกว่า 1,115 ล้านบาท
โดยวันนี้มีกลุ่มผู้เสียหายประมาณ 30 คน เดินทางมาพร้อมกับนายไพบูลย์ เพื่อยื่นคำฟ้องด้วย ทั้งนี้ ศาลอาญานัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์คดีนี้ ในวันที่ 23 กรกฎาคม เวลา 09.00 น.
นายไพบูลย์ ผู้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหายยื่นฟ้องคดี เปิดเผยถึงคำฟ้องว่า จำเลยได้ปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรจะแจ้งกับโจทก์ โดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จอย่างน้อย 4 ประการ คือ มีการอ้างว่าตนเองเป็นธนาคาร เผยแพร่แผ่นพับโฆษณาหรือโบรชัวร์ว่าเป็นธนาคาร ทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่าเป็นธนาคาร มีการตกแต่งบัญชี ซึ่งมีหน่วยงานของรัฐ เคยนำหลักฐานไปแสดงต่อศาลปกครองไว้ว่ามีการปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้ง
นอกจากนี้ จำเลยทราบอยู่แล้วว่าตนเองมีปัญหา ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นสหกรณ์ดีเลิศ แต่ยังนำเรื่องที่ได้รับรางวัลสหกรณ์ดีเลิศมาโฆษณาปกปิดข้อเท็จจริงจนประชาชนหลงเชื่อ เอาเงินไปให้กับสหกรณ์คลองจั่นฯ ซึ่งศาลปกครองกลางได้วินิจฉัยไว้ว่าสหกรณ์คลองจั่นฯ ไม่สมควรที่จะได้รางวัลดีเลิศ และจำเลยทั้งสองได้ทำสัญญายืมเงินสำรองจากประชาชนผู้เสียหายไปกว่า 2,700 ล้านบาท ด้วยเอกสารใบเดียว เพื่อปกปิดข้อเท็จจริงว่าสหกรณ์มีปัญหา
นายไพบูลย์ กล่าวว่า แม้ปัจจุบันประชาชนผู้เสียหายจะได้รับเงินคืนจากสหกรณ์คลองจั่นฯ แต่ก็ได้คืนน้อยมาก โดยประชาชนที่ได้สะสมเงินไปฝากเป็นหุ้นไว้ได้รับเงินคืนจนถึงขณะนี้เพียง 3 เปอร์เซ็นต์ ของเงินที่เสียหายเท่านั้น และมีโอกาสที่จะไม่ได้อีก จึงน่าเป็นห่วงมาก ส่วนประชาชนที่ฝากเป็นเงินสะสมทรัพย์ เสียหายไปตั้งแต่ปี 2556 ถึงปัจจุบัน เพิ่งได้คืนเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ และมีแนวโน้มว่าจะไม่ได้อีก ซึ่งผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่นำเงินมาฝากไว้ใช้ยามเกษียณ แต่กลับมาโดนปัญหานี้ ไม่สามารถหาหนทางอื่นที่จะเยียวยาได้ จึงมาฟ้องต่อศาลอาญาให้ได้รับความเป็นธรรม