นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้ผลิตสินค้าชุดนักเรียนรายหนึ่งได้ยื่นหนังสือมายังกรมการค้าภายใน เพื่อขอปรับขึ้นราคาขายร้อยละ 3-5 เนื่องจากต้นทุนการผลิตสูงขึ้น โดยเฉพาะค่าแรงและวัตถุดิบที่ใช้ผลิตชุดนักเรียนมีราคาเพิ่มขึ้น ซึ่งกรมฯ จะพิจารณาการขอปรับขึ้นราคาว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ และอาจจะขอความร่วมมือให้การปรับขึ้นราคาหลังจากปิดเทอมแล้ว ซึ่งสถานศึกษาส่วนใหญ่จะเปิดเทอมพร้อมกันในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม เป็นต้นไป
นายบุณยฤทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีเพียงรายเดียวที่ยื่นขอปรับราคาเข้ามา ซึ่งคาดว่าจะมีรายอื่นทยอยตามมา จากการศึกษาเบื้องต้นพบว่าสินค้าชุดนักเรียนไม่ได้มีการปรับขึ้นราคามานานแล้ว อย่างผู้ผลิตชุดนักเรียนที่เป็นหน่วยงานของรัฐไม่ได้ปรับขึ้นมาเป็นสิบปี ส่วนผู้ผลิตที่เป็นเอกชน ก็ไม่ได้ปรับขึ้นมากว่า 3 ปี ทั้งนี้ จะดูเหตุผลของการปรับราคา ทั้งการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่มีผลต่อต้นทุนผลิตสินค้าร้อยละ 1.5 และต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับราคาขึ้น
สำหรับการขอปรับราคาขึ้นตัวละร้อยละ 3-5 นั้น เชื่อว่าจะไม่กระทบกับผู้ปกครองมากนัก เพราะรัฐบาลมีนโยบายในการช่วยเหลือค่าครองชีพให้กับผู้ปกครอง สามารถนำใบเสร็จจากการซื้อชุดนักเรียนมาเบิกกับสถานศึกษาตามวงเงินที่กำหนด คือ ระดับอนุบาล 300 บาทต่อคน ไม่เกิน 3 ชุด ระดับประถมศึกษา 360 บาทต่อคน ไม่เกิน 2 ชุด ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 450 บาทต่อคน ไม่เกิน 2 ชุด มัธยมศึกษาตอนปลาย 500 บาทต่อคน ไม่เกิน 2 ชุด และอาชีวศึกษา 900 บาทต่อคน ไม่เกิน 2 ชุด
นอกจากนี้ ในส่วนของผู้มีรายได้น้อย ยังสามารถใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาซื้อสินค้าชุดนักเรียนภายในร้านศึกษาภัณฑ์ ที่มีการติดตั้งเครื่องรูดบัตรไว้รองรับด้วย ซึ่งจะเป็นการแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง