พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีหญิงสาวถูกแฟนหนุ่มทำร้ายร่างกาย โดยมีการถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ ว่า ได้รับรายงานจาก สน.บึงกุ่ม ว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุ เมื่อ 22 เมษายน 2561 เวลาประมาณ 16.30 น. ก่อนเกิดเหตุ นายชัยชนะ หรือ เอ็ม ศิริชาติ อายุ 25 ปี ผู้ต้องหา คบหาเป็นแฟนกับผู้เสียหาย และพักอาศัยอยู่ด้วยกันที่ลุมพินีคอนโด ถนนนวมินทร์ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ ต่อมาผู้ต้องหาทราบว่า ผู้เสียหายมีผู้ชายอื่นมาติดพันและทำตัวห่างเหิน จึงใช้กำลังบังคับ ข่มขู่ ไม่ให้ออกมาจากห้องพักที่เกิดเหตุ จากนั้นผู้ต้องหาใช้ไม้กวาด และไดร์นวดหน้าไฟฟ้า ฟาด ทุบ ตี ทำร้ายที่ใบหน้า ศีรษะ และตามร่างกายผู้เสียหายจำนวนหลายครั้ง โดยขณะลงมือทำร้าย ผู้ต้องหาให้ผู้เสียหายใช้โทรศัพท์ของผู้ต้องหาถ่ายคลิปขณะถูกทำร้าย แล้วไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กของผู้ต้องหา กระทั่งพี่สาวของผู้เสียหายทราบจากการดูผ่านเฟซบุ๊กดังกล่าว จึงโทรศัพท์เเจ้งผ่านเจ้าพนักงานตำรวจ บก.สปพ. (สายด่วน 191) มาทาง สน.บึงกุ่ม
หลังจากรับเเจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บึงกุ่ม ได้รีบเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมกับจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ในทันที โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัว และตรวจยึดของกลางโทรศัพท์มือถือที่ถ่ายคลิป แล้วนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บึงกุ่ม ดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนผู้เสียหายถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่นโดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียงหรือได้รับความเสียหาย และหน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า คดีนี้เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เป็นการใช้ความรุนแรงต่อสตรี และเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับประชาชน นอกจากจะมีความผิดตามมูลฐานความผิดข้างต้นเเล้ว การนำคลิปที่มีการทำร้ายร่างกายไปเผยแพร่ พร้อมข้อความหยาบคาย เป็นการใส่ความที่น่าจะเกิดความเสียหาย ยังอาจจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท และเป็นการหมิ่นด้วยการโฆษณาเข้าสู่ระบบโซเชียลมีเดีย มาตรา 328 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในกรณีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งแล้วได้เร่งดำเนินการสืบสวนจนสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมกับช่วยเหลือเหยื่อผู้ได้รับบาดเจ็บได้ทันท่วงที