วันนี้ (21 มี.ค.) คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จัดกิจกรรมรณรงค์สื่อประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ประชาชนรับรู้และเข้าใจ ไม่ตกเป็นเหยื่อของการใช้ยาปฏิชีวนะ โดยติดโปสเตอร์ภายในรถโดยสารประจำทางสาธารณะ ระหว่างในเส้นทางการเดินรถประจำทาง กรุงเทพและเขตปริมณฑล จำนวน 7 สาย 30 คัน เป็นระยะเวลา 3 เดือน เพื่อเป็นข้อมูลการใช้ยาปฏิชีนะที่ถูกต้อง
นพ.วันชัย สัตยาวุฒิพงศ์ เลขาธิการ อย.ระบุว่า ปัญหาการดื้อยาต้านจุลชีพของเชื้อแบคทีเรียได้ทวีความรุนแรงและมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ยาต้านจุลชีพในอดีต ที่เคยใช้ได้ขณะนี้ใช้ไม่ได้ ซึ่งประเทศไทยคาดการณ์ว่า มีการติดเชื้อดื้อยาประมาณปีละ 88,000 ครั้ง เสียชีวิตจากเชื้อดื้อยา ปีละประมาณ 38,000 คน คิดเป็นการสูญเสียทางเศรษฐกิจสูงถึง 4.2 หมื่นล้านบาท โดยรัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าว พร้อมปักหมุด หยุดเชื้อดื้อยาและจัดให้มีคณะกรรมการนโยบายการดื้อยาต้านจุลชีพแห่งชาติ เพื่อทำยุทธศาสตร์จัดการดื้อยา ต้านจุลชีพ ประเทศไทย พ. ศ. 2560 ถึง ปี 2564
ทั้งนี้ เชื้อดื้อยาต้านจุลชีพคือ การที่เชื้อแบคทีเรีย ที่เคยไวต่อยาปฏิชีวนะมาก่อนเกิดการกลายพันธุ์เป็นเชื้อดื้อยา โดยเมื่อเชื้อดังกล่าวสัมผัสกับยาปฏิชีวนะแล้ว ยาไม่สามารถยับยั้งหรือทำลายเชื้อแบคทีเรียนั้นได้เหมือนเดิม ทำให้การรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อดื้อยาปฏิชีวนะทำได้ยาก โดยยาปฏิชีวะใช้รักษาแบคทีเรียเท่านั้น หากประชาชน มีอาการหวัด ไอ เจ็บคอ ไม่จำเป็นต้องใช้ยาแก้อักเสบ ยาปฏิชีวะ อย่างไรก็ตามประชาชนไม่ควรซื้อยาปฏิชีวนะใช้เองจากร้านค้าทั่วไปหรือร้านชำโดยเด็ดขาด ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งก่อนใช้ยาปฏิชีวนะ
นพ.วันชัย สัตยาวุฒิพงศ์ เลขาธิการ อย.ระบุว่า ปัญหาการดื้อยาต้านจุลชีพของเชื้อแบคทีเรียได้ทวีความรุนแรงและมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ยาต้านจุลชีพในอดีต ที่เคยใช้ได้ขณะนี้ใช้ไม่ได้ ซึ่งประเทศไทยคาดการณ์ว่า มีการติดเชื้อดื้อยาประมาณปีละ 88,000 ครั้ง เสียชีวิตจากเชื้อดื้อยา ปีละประมาณ 38,000 คน คิดเป็นการสูญเสียทางเศรษฐกิจสูงถึง 4.2 หมื่นล้านบาท โดยรัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าว พร้อมปักหมุด หยุดเชื้อดื้อยาและจัดให้มีคณะกรรมการนโยบายการดื้อยาต้านจุลชีพแห่งชาติ เพื่อทำยุทธศาสตร์จัดการดื้อยา ต้านจุลชีพ ประเทศไทย พ. ศ. 2560 ถึง ปี 2564
ทั้งนี้ เชื้อดื้อยาต้านจุลชีพคือ การที่เชื้อแบคทีเรีย ที่เคยไวต่อยาปฏิชีวนะมาก่อนเกิดการกลายพันธุ์เป็นเชื้อดื้อยา โดยเมื่อเชื้อดังกล่าวสัมผัสกับยาปฏิชีวนะแล้ว ยาไม่สามารถยับยั้งหรือทำลายเชื้อแบคทีเรียนั้นได้เหมือนเดิม ทำให้การรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อดื้อยาปฏิชีวนะทำได้ยาก โดยยาปฏิชีวะใช้รักษาแบคทีเรียเท่านั้น หากประชาชน มีอาการหวัด ไอ เจ็บคอ ไม่จำเป็นต้องใช้ยาแก้อักเสบ ยาปฏิชีวะ อย่างไรก็ตามประชาชนไม่ควรซื้อยาปฏิชีวนะใช้เองจากร้านค้าทั่วไปหรือร้านชำโดยเด็ดขาด ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งก่อนใช้ยาปฏิชีวนะ