วันนี้ (15 มี.ค.) ที่ห้องพิจารณา 904 ศาลอาญา ถนนรัชดาฯ กรุงเทพฯ ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีเลี่ยงภาษี หมายเลขดำ อ.4050/2553 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นายวิสุข เสร็จสวัสดิ์ หรือ เสี่ยขาว อายุ 53 ปี อดีตกรรมการผู้จัดการบริษัท ไวท์ แอนด์ บราเธอร์ส์ (2003) จำกัด ผู้บริหารซานติก้าผับ ย่านเอกมัย เป็นจำเลยในความผิดฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต ต่อกรมสรรพสามิต จำนวน 85,382,470.67 บาท เหตุเกิดที่แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เกี่ยวพันกัน
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยเป็นกรรมการผู้มีอำนาจ โดยมีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีจริง มีความผิดรวม 4 กระทง พิพากษาลงโทษจำคุกกระทงละ 3 เดือน รวมจำคุก 12 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ส่วนข้อหาแจ้งความเท็จ และข้อหาอื่นๆ ให้ยกฟ้อง เนื่องจากคดีขาดอายุความ ต่อมาจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันไม่ยื่นแบบรายการภาษีเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีสรรพสามิตประจำเดือนมกราคม 2548 - ธันวาคม 2551
อัยการโจทก์ยื่นฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย
วันนี้ นายวิสุข เดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลฎีกาตามกำหนดนัด พร้อมกับทนายความ ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษากันแล้ว เห็นว่า พยานบุคคลและพยานเอกสารที่โจทก์นำสืบมารับฟังประกอบกันฟังได้ว่า แม้บริษัท ไวท์แอนด์บราเธอร์ส (2003) จำกัด จะจดทะเบียนเปลี่ยนตัวกรรมการผู้มีอำนาจจากจำเลยเป็นบุคคลอื่นแล้ว แต่จำเลยยังคงเข้าไปดูแลกิจการของสถานบริการซานติก้าผับแต่เพียงผู้เดียว ทั้งการบริการและการเงินด้วยการจ่ายเงินเดือนพนักงานร่วมกับผู้ถือหุ้นอื่น ตามบัญชีบริษัทซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายสถานบริการซานติก้าผับ และเมื่อจำเลยมีรายได้จากการดำเนินงานก็จะนำเงินเข้าบัญชีส่วนตัวของจำเลยเอง แสดงให้เห็นว่าจำเลยยังคงเป็นเจ้าของสถานบริการซานติก้าผับ ดังนั้น จำเลยจึงต้องมีหน้าที่ยื่นแบบรายการเสียภาษีสรรพสามิตประจำปี
ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยมิได้เป็นผู้ประกอบกิจการสถานบริการซานติก้าผับ หรือร่วมกับ บริษัทไวท์ แอนด์บราเธอร์ส (2003) จำกัด จึงไม่มีหน้าที่ต้องยื่นแบบรายการเสียภาษีสรรพสามิตนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรสามิต พ.ศ.2527 มาตรา 4 , 48(2) , 164 ฐานไม่ยื่นแบบภาษีเพื่อหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีสรรพสามิต รวม 4 กระทง สำหรับความผิดในปี 2558 โจทก์ฎีกาให้ลงโทษจำเลยเฉพาะการไม่ยื่นแบบรายการภาษีและไม่ชำระภาษีของเดือนพฤศจิกายน และธันวาคม 2558 ให้จำคุกจำเลยรวม 7 เดือน โดยไม่สมควรรอการลงโทษ
สำหรับนายวิสุข หรือ เสี่ยขาว นอกจากคดีหลบเลี่ยงภาษีแล้ว ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 5 พ.ย.2558 ศาลฎีกาได้พิพากษาให้จำคุก 3 ปี คดีหมายเลขดำ ที่ อ.541/2553, 648/2553 และ 753/2553 ที่อัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ ยื่นฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ฐาน กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้รับบาดเจ็บสาหัส ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 กรณีเมื่อคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2551 จำเลยร่วมกับพนักงานดูแลสถานบันเทิงดังกล่าว และนักร้อง กับบริษัทรับจ้างติดตั้งไฟและจัดดอกไม้เพลิง รวม 7 คน ฉลองส่งท้ายปีเก่า จนเกิดเพลิงไหม้ซานติก้าผับ ย่านเอกมัย เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 67 คน บาดเจ็บและบาดเจ็บสาหัส 103 คน ซึ่งศาลฎีกาพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เช่นเดียวกับผู้บริหารบริษัทรับจ้างติดตั้งไฟฯ
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยเป็นกรรมการผู้มีอำนาจ โดยมีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีจริง มีความผิดรวม 4 กระทง พิพากษาลงโทษจำคุกกระทงละ 3 เดือน รวมจำคุก 12 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ส่วนข้อหาแจ้งความเท็จ และข้อหาอื่นๆ ให้ยกฟ้อง เนื่องจากคดีขาดอายุความ ต่อมาจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันไม่ยื่นแบบรายการภาษีเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีสรรพสามิตประจำเดือนมกราคม 2548 - ธันวาคม 2551
อัยการโจทก์ยื่นฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย
วันนี้ นายวิสุข เดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลฎีกาตามกำหนดนัด พร้อมกับทนายความ ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษากันแล้ว เห็นว่า พยานบุคคลและพยานเอกสารที่โจทก์นำสืบมารับฟังประกอบกันฟังได้ว่า แม้บริษัท ไวท์แอนด์บราเธอร์ส (2003) จำกัด จะจดทะเบียนเปลี่ยนตัวกรรมการผู้มีอำนาจจากจำเลยเป็นบุคคลอื่นแล้ว แต่จำเลยยังคงเข้าไปดูแลกิจการของสถานบริการซานติก้าผับแต่เพียงผู้เดียว ทั้งการบริการและการเงินด้วยการจ่ายเงินเดือนพนักงานร่วมกับผู้ถือหุ้นอื่น ตามบัญชีบริษัทซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายสถานบริการซานติก้าผับ และเมื่อจำเลยมีรายได้จากการดำเนินงานก็จะนำเงินเข้าบัญชีส่วนตัวของจำเลยเอง แสดงให้เห็นว่าจำเลยยังคงเป็นเจ้าของสถานบริการซานติก้าผับ ดังนั้น จำเลยจึงต้องมีหน้าที่ยื่นแบบรายการเสียภาษีสรรพสามิตประจำปี
ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยมิได้เป็นผู้ประกอบกิจการสถานบริการซานติก้าผับ หรือร่วมกับ บริษัทไวท์ แอนด์บราเธอร์ส (2003) จำกัด จึงไม่มีหน้าที่ต้องยื่นแบบรายการเสียภาษีสรรพสามิตนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรสามิต พ.ศ.2527 มาตรา 4 , 48(2) , 164 ฐานไม่ยื่นแบบภาษีเพื่อหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีสรรพสามิต รวม 4 กระทง สำหรับความผิดในปี 2558 โจทก์ฎีกาให้ลงโทษจำเลยเฉพาะการไม่ยื่นแบบรายการภาษีและไม่ชำระภาษีของเดือนพฤศจิกายน และธันวาคม 2558 ให้จำคุกจำเลยรวม 7 เดือน โดยไม่สมควรรอการลงโทษ
สำหรับนายวิสุข หรือ เสี่ยขาว นอกจากคดีหลบเลี่ยงภาษีแล้ว ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 5 พ.ย.2558 ศาลฎีกาได้พิพากษาให้จำคุก 3 ปี คดีหมายเลขดำ ที่ อ.541/2553, 648/2553 และ 753/2553 ที่อัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ ยื่นฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ฐาน กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้รับบาดเจ็บสาหัส ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 กรณีเมื่อคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2551 จำเลยร่วมกับพนักงานดูแลสถานบันเทิงดังกล่าว และนักร้อง กับบริษัทรับจ้างติดตั้งไฟและจัดดอกไม้เพลิง รวม 7 คน ฉลองส่งท้ายปีเก่า จนเกิดเพลิงไหม้ซานติก้าผับ ย่านเอกมัย เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 67 คน บาดเจ็บและบาดเจ็บสาหัส 103 คน ซึ่งศาลฎีกาพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เช่นเดียวกับผู้บริหารบริษัทรับจ้างติดตั้งไฟฯ