นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มูลนิธิชาวสวนกาแฟ และสมาคมกาแฟไทย จัดสัมมนาและลงพื้นที่พบปะเกษตรกรกาแฟในพื้นที่ จ.ชุมพร ระหว่างวันที่ 8 – 9 มีนาคมนี้ เพื่อให้ข้อมูลเกษตรกรและผู้ประกอบธุรกิจกาแฟ ทราบถึงช่องทางการใช้ประโยชน์จาก FTA ที่ไทยทำกับประเทศต่างๆ ในสินค้ากาแฟและผลิตภัณฑ์ โดยเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมกาแฟ ตั้งแต่เกษตรกร ผู้ปลูกกาแฟ โรงคั่วกาแฟ ร้านกาแฟ ผู้ประกอบการ และผู้ส่งออกเข้าร่วมหารือถึงโอกาสและติดตามความคืบหน้าความตกลง FTA ไทย – ออสเตรเลีย ที่จะเกิดขึ้นในปี 2563
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จะเน้นให้ความสำคัญกับการพัฒนาและรักษาคุณภาพกาแฟให้ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคและการหาตลาด ซึ่งจะต่อยอดจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เน้นเรื่องการผลิตและการพัฒนาพันธุ์ เป็นต้น
ปัจจุบันการบริโภคกาแฟของโลกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2560 ความต้องการใช้กาแฟของโลกอยู่ที่ 9.33 ล้านตันต่อปี เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 จากปี 2559 และอุตสาหกรรมกาแฟไทยก็มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยความต้องการใช้เมล็ดกาแฟของโรงงานแปรรูปในประเทศไทยยังเพิ่มสูงขึ้นโดยในปี 2560 มีความต้องการใช้กาแฟกว่า 90,000 ตันต่อปี เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 6.5 จากปี 2559 ขณะที่ไทยผลิตเมล็ดกาแฟได้ประมาณ 26,000 ตันต่อปี ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศจึงมีการนำเข้าจากประเทศอาเซียน ได้แก่ เวียดนาม อินโดนีเซีย และ สปป.ลาว โดยเก็บภาษีนำเข้าเมล็ดกาแฟดิบภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียนที่ร้อยละ 5 และยกเว้นการเก็บภาษีเมล็ดกาแฟคั่ว