พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนคดีสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 มูลค่า 30 ล้านบาท ระหว่าง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล กับนายปรีชา ใคร่ครวญ เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามความคืบหน้าคดีในวันนี้ (19 ก.พ.) ว่า วันนี้เป็นการเรียกประชุมครั้งใหญ่ หลังให้กองบังคับการปราบปรามตรวจสำนวนที่รับมาจากตำรวจภูธรภาค 7 ก่อนแยกย้ายลงพื้นที่ไปตรวจสอบ และรวบรวมคำให้การพยาน เบื้องต้น ต้องแยกกลุ่มพยานฝั่งครูปรีชา ว่ากลุ่มใดไม่เกี่ยวข้องบ้าง ซึ่งจากการตรวจสอบตอนนี้ พยานที่เห็นเหตุการณ์จริงๆ ไม่เกิน 10 ปากเท่านั้น
ทั้งนี้ ยืนยันว่า ไม่มีการให้ตำรวจตามประกบพยานแน่นอน ทุกอย่างทำตามขั้นตอนของกฎหมาย ถึงแม้ว่าคดีจะมีคืบหน้าไปกว่าร้อยละ 70-80 แล้ว แต่ก็ยังต้องตรวจหลักฐานและพยานอีกจำนวนมาก
สำหรับนายแผน และนางกุ้ง ที่เป็นพยานที่อ้างว่าเห็นคนลักษณะคล้าย ร.ต.ท.จรูญ ก้มเก็บล็อตเตอรี่ ก็ต้องเรียกมาสอบเพิ่มเติม แต่เบื้องต้นพบว่าไม่ใช่กลุ่มเดียวกับครูปรีชา และเจ๊บ้าบิ่น
ขณะที่ครูปรีชารับสารภาพ ระบุลงในสำนวนสอบสวนแล้วว่าเสียงที่ปรากฏในคลิปที่สนทนาที่หลุดออกมานั้นเป็นเสียงตัวเองจริง โดยครูปรีชา ก็เป็นผู้ยินยอมให้ตำรวจตรวจข้อมูลทางโทรศัพท์ด้วย
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายประเด็นที่พนักงานสอบสวนยังสงสัย ซึ่งจะต้องมีการสอบสวนต่อ ทั้งเรื่องของช่วงเวลา และความเชื่อมโยงของคดีและคลิปเสียง ซึ่งคลิปเสียงที่เกี่ยวข้องมีกว่า 4,000 คลิป แต่มีเพียง 6-7 คลิปเสียงที่เป็นไฮไลต์ ทำให้ไม่สามารถสรุปได้ จึงต้องส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานกลาง ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งคลิปเสียงจะเป็นหลักฐานหนึ่งในการขอออกหมายจับผู้ที่กระทำผิดแน่นอน ซึ่งไม่ใช่ภายใน 2 วันนี้ แต่ต้องออกหมายจับก่อน 27 กุมภาพันธ์
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมยังมีการคัดแยกพยานจากสำนวนการสอบสวนของตำรวจภูธรภาค 7 ที่เหลือไม่เกิน 7 ปาก ที่จะนำมาขยายผลต่อและเป็นพยานสำคัญในคดี โดยบุคคลทั้งหมดเป็นพยานที่เคยเรียกมาสอบสวนแล้ว และระบุว่าพนักงานสอบสวนไม่จำเป็นต้องสอบปากคำครูปรีชา เพิ่มเติม เนื่องจากไม่มีประเด็นอื่นที่สงสัย
ส่วนฝั่ง ร.ต.ท.จรูญ วันนี้ที่ประชุมได้มีการเสนอให้เก็บรายละเอียดทั้งหมดเช่นกัน โดยเฉพาะรายละเอียดจากโทรศัพท์มือถือ โดยในวันพรุ่งนี้ ตำรวจกองบังคับการปราบปรามจะลงพื้นที่ไปสอบปากคำพยานฝั่งครูปรีชาเพิ่มเติม และจะนำมาเข้าที่ประชุมใหญ่ในวันพุธนี้อีกครั้ง