นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมมอบนโยบายผลักดันการส่งออกปี 2561 ให้กับผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์และผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ 58 แห่งทั่วโลก โดยกำชับว่า ขอให้ทูตพาณิชย์ในต่างประเทศเพิ่มบทบาทการทำงานเชิงรุก เพื่อเชิญชวนนักลงทุนเข้ามาทำธุรกิจในประเทศ เน้นการส่งเสริมภาคบริการและการให้ความสำคัญเป็นรายภูมิภาค และให้พิจารณาตั้งสำนักงานฑูตพาณิชย์ทุกภูมิภาค ในประเทศที่มีศักยภาพสูง เช่น ญี่ปุ่นและจีน รวมทั้งพิจารณางบประมาณในการจัดสรรบุคคลากรเพิ่ม ทั้งในรูปแบบการจ้างงานชั่วคราวหรือสัญญารายปี โดยเฉพาะในตลาดที่มีศักยภาพ เช่น ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้ และรัสเชีย ที่ปัจจุบันมีบุคลากรไม่เพียงพอ
นอกจากนี้ ยังให้เพิ่มบทบาทในการทำงานร่วมกับบีโอไอ เพื่อเชื่อมโยงการเข้าไปลงทุนของเอกชนไทยในแต่ละประเทศ ตลอดจนกำชับให้กระทรวงพาณิชย์เร่งจัดทำฐานข้อมูลกลาง หรือ บิ๊กดาต้า (Big Data) เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงฐานข้อมูลซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการทำธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ได้รายงานสถานการณ์การค้า ในปี 2560 ที่มีมูลค่าการค้า 236,694 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวได้ 9.9 สูงสุดในรอบ 6 ปี จึงทำให้มั่นใจว่า แนวโน้มส่งออกไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ร้อยละ 8.0 มูลค่าการค้า 255,630 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนค่าเงินบาทที่แข็งค่ามาอยู่ที่ 31 .30 บาทต่อดอนล่าสหรัฐ เชื่อว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงการคลังได้เข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิด และยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่เข้าไปแทรกแซงอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม เงินบาที่แข็งอยู่ในขณะนี้เกิดจากดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล ดังนั้นจะต้องส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งกรมสรรพกรอยู่ระหว่างพิจารณามาตรการทางภาษีเพื่อจูงใจให้เอกชนที่ไปลงทุนต่างประเทศเพื่อนำเงินกลับเข้าประเทศให้มากที่สุดส่วน จีดีพี ไทยในปี 2560 ที่เติบโตได้ร้อยละ 3.9 และไตรมาส 4 เติบโตร้อยละ 4 เป็นการเติบโตที่น่าพอใจ และมั่นใจได้ว่าหากประเทศไทยมีการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างจริงจังจะสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจปีนี้ได้ตามเป้าหมาย
นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงกรณีการระดมทุนด้วยสกุลเงินดิจิทัล (ไอซีโอ) ว่า ขณะนี้กระทรวงการคลัง และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ออกมาเตือนผู้ลงทุนให้ระมัดระวัง เนื่องจากมีความเสี่ยง ส่วนการออกกฎเกณฑ์ที่จะเข้ามาดูแลนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง