การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. วันนี้ (9 ก.พ.) เริ่มเวลา 10.20 น. มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยมีการพิจารณากระทู้ถามนายกรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินการเกี่ยวกับกิจการอวกาศของรัฐบาล ที่ พล.ร.อ.ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์ สมาชิก สนช. เป็นผู้ตั้งถาม โดยต้องการทราบรัฐบาลมีความคืบหน้าในการดำเนินการยกร่างพระราชบัญญัติกำกับกิจการอวกาศ พ.ศ. ... และร่างพระราชบัญญัติองค์การอวกาศแห่งชาติ พ.ศ. ... อย่างไร และมีนโยบายที่จะรวมร่างพระราชบัญญัติเข้าด้วยกันหรือไม่ รวมทั้งรัฐบาลมีแนวทางเร่งรัดดำเนินการรักษาสิทธิเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมและเอกสารข่ายงานดาวเทียมของตำแหน่งวงโคจรดาวเทียมไทยคม 4 และดาวเทียมไทยคม 5 รวมถึงดาวเทียมไทยคม 6 ที่กำลังจะหมดสัญญาสัมปทาน ในปี 2564 อย่างไร
ทั้งนี้ นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นผู้ตอบกระทู้แทนนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า การยกดำเนินการร่างพระราชบัญญัติกำกับกิจการอวกาศ พ.ศ. ... และร่างพระราชบัญญัติองค์การอวกาศแห่งชาติ พ.ศ. ... ยกร่างกฎหมายเสร็จสิ้นแล้ว แต่เนื่องจากภาครัฐเห็นว่าควรให้รวมร่างพระราชบัญญัติทั้ง 2 ฉบับเข้าด้วยกัน เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายยุทธศาสตร์อวกาศแห่งชาติ 20 ปี ดังนั้น ขณะนี้จึงอยู่ระหว่างการยกกฎหมายเข้าด้วย อีกทั้งในอนาคตรัฐบาลยังจะมีการรวมกฎหมายที่เกี่ยวเนื่องกับการสื่อสารของประเทศไทยเข้าด้วยกันเพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพและมีมาตรฐานสากล
ส่วนนโยบายการบริหารจัดการดาวเทียมสื่อสารในอนาคต รัฐบาลมีนโยบายกำหนดให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ โดยใช้นโยบายเปิดตลาดสำหรับดาวเทียมสื่อสารเชิงพาณิชย์ 2 ระยะ แบ่งเป็นระยะยาว คือ การเปิดโอกาสให้มีการแข่งขัน และระยะเปลี่ยนผ่าน ส่วนการบริหารจัดการสัมปทานดาวเทียมไทยคม 6 หลังสิ้นสุดสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารในประเทศ ได้ศึกษาไว้ 2 แนวทาง คือ การดำเนินนโยบายเปิดตลาดระยะยาวสำหรับกิจการดาวเทียมโดยใช้เป็นอนุญาตแบบมีเงื่อนไข เพื่อประโยชน์ของประเทศที่มีข้อดี คือ จะทำให้เกิดการแข่งขัน และภาครัฐไม่ต้องจัดเตรียมงบประมาณในการบริหารจัดการ แต่ข้อเสียอาจทำให้ภาครัฐไม่ได้รับรายได้
ขณะที่อีกแนวทางหนึ่ง คือ นโยบายเพื่อการเปลี่ยนผ่าน โดยจะทำสัญญาใหม่กับผู้ประกอบการรายเดิม ข้อดีจะทำให้ภาครัฐได้รับส่วนแบ่งรายได้ ข้อเสียแต่จะมีภาระงบประมาณและไม่มีการแข่งขัน ส่งผลให้ขาดประสิทธิภาพในการประกอบกิจการได้ อย่างไรก็ตามยืนยันว่าการดำเนินการใด ๆ ภาครัฐจะดำเนินการโดยยึดรัฐธรรมนูญเป็นหลัก และคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนโดยรวม
จากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัตินโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. ... เพื่อกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการการท่องเที่ยวของประเทศอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนต่อทันที