นายชุตินทร คงศักดิ์ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย กล่าวถึงโอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเดินทางเยือนสาธารณรัฐอินเดีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-อินเดีย ในโอกาสครบรอบความสัมพันธ์ 25 ปี และการเข้าร่วมงานวันสถาปนาสาธารณรัฐอินเดีย ครั้งที่ 69 ระหว่างวันที่ 25-26 มกราคมนี้ ว่า จะส่งผลให้เกิดความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมในหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะความมั่นคงทางทะเล การผลักดันการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวที่ครอบคลุมทุกมิติ
ทั้งนี้ ยังเห็นว่าแนวคิด "อินโด-แปซิฟิก" ที่อินเดียเสนอ หากผลักดันให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมก็จะส่งผลดีกับไทย เพราะไทยได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ที่จะเป็นจุดเชื่อมโยงอาเซียนกับอินเดีย ที่จะขยายไปยังภูมิภาคอื่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันเป็น 2 เท่า รวมทั้งมองว่าในการหารือทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐอินเดีย จะทำให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมหลายเรื่อง โดยหากไทยและอินเดียสามารถผลักดันความร่วมมือในกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP ที่ประกอบด้วยอาเซียน 10 ประเทศ กับคู่ภาคี 6 ประเทศ คือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ และการผลักดันเขตค้าเสรีไทย-อินเดีย ให้มีความคืบหน้าได้ ก็จะส่งผลดีกับไทยในเรื่องสินค้าเกษตร
เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย กล่าวถึงความร่วมมือในด้านการท่องเที่ยวว่า มีแนวโน้มที่ดีขึ้น เนื่องจากปีนี้อินเดียจะเพิ่มจำนวนเที่ยวบินให้กับไทย พร้อมเห็นว่า ทั้ง 2 ฝ่าย ควรร่วมกันส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการที่ดี ขณะที่ไทยควรแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากอินเดีย คือเรื่องการสร้างสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือจีไอ ที่อินเดียดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยมีสินค้าจีไอมากกว่า 200 รายการ รวมถึงความรู้ทางเทคโนโลยี ที่อินเดียถือเป็นตลาดใหญ่และมีความเชี่ยวชาญ ซึ่งจะเกิดผลดีกับกลุ่มธุรกิจใหม่ หรือ Start up ที่จะนำความรู้ด้านเทคโนโลยีไปพัฒนาสินค้าให้ได้มาตรฐานสากล
ทั้งนี้ ยังเห็นว่าแนวคิด "อินโด-แปซิฟิก" ที่อินเดียเสนอ หากผลักดันให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมก็จะส่งผลดีกับไทย เพราะไทยได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ที่จะเป็นจุดเชื่อมโยงอาเซียนกับอินเดีย ที่จะขยายไปยังภูมิภาคอื่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันเป็น 2 เท่า รวมทั้งมองว่าในการหารือทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐอินเดีย จะทำให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมหลายเรื่อง โดยหากไทยและอินเดียสามารถผลักดันความร่วมมือในกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP ที่ประกอบด้วยอาเซียน 10 ประเทศ กับคู่ภาคี 6 ประเทศ คือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ และการผลักดันเขตค้าเสรีไทย-อินเดีย ให้มีความคืบหน้าได้ ก็จะส่งผลดีกับไทยในเรื่องสินค้าเกษตร
เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย กล่าวถึงความร่วมมือในด้านการท่องเที่ยวว่า มีแนวโน้มที่ดีขึ้น เนื่องจากปีนี้อินเดียจะเพิ่มจำนวนเที่ยวบินให้กับไทย พร้อมเห็นว่า ทั้ง 2 ฝ่าย ควรร่วมกันส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการที่ดี ขณะที่ไทยควรแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากอินเดีย คือเรื่องการสร้างสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือจีไอ ที่อินเดียดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยมีสินค้าจีไอมากกว่า 200 รายการ รวมถึงความรู้ทางเทคโนโลยี ที่อินเดียถือเป็นตลาดใหญ่และมีความเชี่ยวชาญ ซึ่งจะเกิดผลดีกับกลุ่มธุรกิจใหม่ หรือ Start up ที่จะนำความรู้ด้านเทคโนโลยีไปพัฒนาสินค้าให้ได้มาตรฐานสากล