นายเชิดชัย สนั่นศรีสาคร รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยความคืบหน้าการปฏิรูปเส้นทางรถโดยสาร 269 เส้นทาง ว่า ในวันที่ 15 มกราคมนี้ กรมการขนส่งทางบกจะเปิดตัวรถโดยสารนำร่องเส้นทางปฏิรูปเส้นทางใหม่ 1 เส้นทาง ได้แก่ สาย R26E สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์-โรงพยาบาลรามาธิบดี (ทางด่วน) ระยะทาง 61 กิโลเมตร โดยมีบริษัท มารัตน์ทรานสปอร์ต จำกัด เป็นผู้ได้รับสัมปทานเดินรถ ก่อนที่จะให้บริการวิ่งจริงในวันที่ 16 มกราคม
นายเชิดชัย กล่าวว่า เส้นทางดังกล่าวใช้รถมาตรฐาน 2 (รถโดยสารปรับอากาศชั้น 2) จำนวน 20 คัน อัตราค่าโดยสารตลอดสาย 13-25 บาท คิดตามระยะทาง
สำหรับเส้นทางเดินรถ เที่ยวไปเริ่มต้นจากสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ ไปตามถนนทางหลวงชนบทหมายเลข สป.1011 แยกซ้ายไปตาม ถนนสุขุมวิท แยกซ้ายไปตามทางหลวงขนบทหมายเลข สป.1006 แยกซ้ายไปตามถนนเทพรัตน์ แยกขวาไปตามถนนศรีนครินทร์ แยกซ้ายไปตามถนนพระราม 9 ขึ้นทางพิเศษศรีรัชที่ด่านศรีนครินทร์ ไปตามทางพิเศษศรีรัช ลงทางพิเศษศรีรัชที่ด่านพหลโยธิน แยกซ้ายไปตามถนนพหลโยธินถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แยกขวาไปตามถนนราชวิถี ถึงแยกตึกชัย แยกซ้ายไปตามถนนพระรามที่ 6 ไปสุดเส้นทางที่โรงพยาบาลรามาธิบดี
ส่วนเที่ยวกลับ เริ่มจากโรงพยาบาลรามาธิบดี ไปตามถนนพระรามที่ 6 ถึงแยกศรีอยุธยา แยกซ้ายไปตามถนนศรีอยุธยา ถึงแยกพญาไท แยกซ้าย ไปตามถนนพญาไท ถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แยกขวาไปตามถนนราชวิถี ถนนดินแดง ถนนพระราม 9 ขึ้นทางพิเศษศรีรัชที่ด่านพระราม 9 แล้วไปตามเส้นทางเดิม ไปสุดเส้นทางที่สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์
อย่างไรก็ตาม หลังจากเปิดให้บริการแล้ว กรมการขนส่งทางบกจะเปิดให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการให้บริการรถโดยสารในเส้นทางดังกล่าว เพื่อนำข้อมูลมาประเมินและนำไปปรับปรุงในการปฏิรูปเส้นทางรถเมล์ที่เหลือต่อไป
ส่วนความคืบหน้ารถโดยสารในเส้นทางนำร่องอีกสายหนึ่ง คือสาย Y70E มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ศาลายา-สถานีรถไฟฟ้าหมอชิต (ทางด่วน) ระยะทาง 40 กิโลเมตร โดยมีบริษัท ชัยวิเศษ แทร์นสปอท แอนด์ เซอร์วิส เป็นผู้ได้สัมปทานเดินรถ ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมในการเดินรถ คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2561 ขณะที่อีกเส้นทางนำร่องที่ได้เปิดเป็นลำดับที่ 3 คือเส้นทางเดินรถโดยสารประจำทาง หมวด 4 สายที่ 1551 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา (บริเวณถนนแจ้งวัฒนะ)-โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ขณะนี้ได้ปิดรับคำขอจากผู้ประกอบการที่สนใจแล้วตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม ที่ผ่านมา และอยู่ระหว่างพิจารณาผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติครบถ้วนและผ่านหลักเกณฑ์การประกอบการในเส้นทางเดินรถดังกล่าว ทั้งมาตรฐานตัวรถและคุณภาพการให้บริการ โดยคาดว่าภายใน 1 เดือน จะได้ข้อสรุปผู้ประกอบการเดินรถเส้นทางดังกล่าว หลังจากนั้นกรมฯ จะนำเสนอผลให้คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง
นายเชิดชัย กล่าวว่า เส้นทางดังกล่าวใช้รถมาตรฐาน 2 (รถโดยสารปรับอากาศชั้น 2) จำนวน 20 คัน อัตราค่าโดยสารตลอดสาย 13-25 บาท คิดตามระยะทาง
สำหรับเส้นทางเดินรถ เที่ยวไปเริ่มต้นจากสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ ไปตามถนนทางหลวงชนบทหมายเลข สป.1011 แยกซ้ายไปตาม ถนนสุขุมวิท แยกซ้ายไปตามทางหลวงขนบทหมายเลข สป.1006 แยกซ้ายไปตามถนนเทพรัตน์ แยกขวาไปตามถนนศรีนครินทร์ แยกซ้ายไปตามถนนพระราม 9 ขึ้นทางพิเศษศรีรัชที่ด่านศรีนครินทร์ ไปตามทางพิเศษศรีรัช ลงทางพิเศษศรีรัชที่ด่านพหลโยธิน แยกซ้ายไปตามถนนพหลโยธินถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แยกขวาไปตามถนนราชวิถี ถึงแยกตึกชัย แยกซ้ายไปตามถนนพระรามที่ 6 ไปสุดเส้นทางที่โรงพยาบาลรามาธิบดี
ส่วนเที่ยวกลับ เริ่มจากโรงพยาบาลรามาธิบดี ไปตามถนนพระรามที่ 6 ถึงแยกศรีอยุธยา แยกซ้ายไปตามถนนศรีอยุธยา ถึงแยกพญาไท แยกซ้าย ไปตามถนนพญาไท ถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แยกขวาไปตามถนนราชวิถี ถนนดินแดง ถนนพระราม 9 ขึ้นทางพิเศษศรีรัชที่ด่านพระราม 9 แล้วไปตามเส้นทางเดิม ไปสุดเส้นทางที่สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์
อย่างไรก็ตาม หลังจากเปิดให้บริการแล้ว กรมการขนส่งทางบกจะเปิดให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการให้บริการรถโดยสารในเส้นทางดังกล่าว เพื่อนำข้อมูลมาประเมินและนำไปปรับปรุงในการปฏิรูปเส้นทางรถเมล์ที่เหลือต่อไป
ส่วนความคืบหน้ารถโดยสารในเส้นทางนำร่องอีกสายหนึ่ง คือสาย Y70E มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ศาลายา-สถานีรถไฟฟ้าหมอชิต (ทางด่วน) ระยะทาง 40 กิโลเมตร โดยมีบริษัท ชัยวิเศษ แทร์นสปอท แอนด์ เซอร์วิส เป็นผู้ได้สัมปทานเดินรถ ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมในการเดินรถ คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2561 ขณะที่อีกเส้นทางนำร่องที่ได้เปิดเป็นลำดับที่ 3 คือเส้นทางเดินรถโดยสารประจำทาง หมวด 4 สายที่ 1551 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา (บริเวณถนนแจ้งวัฒนะ)-โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ขณะนี้ได้ปิดรับคำขอจากผู้ประกอบการที่สนใจแล้วตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม ที่ผ่านมา และอยู่ระหว่างพิจารณาผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติครบถ้วนและผ่านหลักเกณฑ์การประกอบการในเส้นทางเดินรถดังกล่าว ทั้งมาตรฐานตัวรถและคุณภาพการให้บริการ โดยคาดว่าภายใน 1 เดือน จะได้ข้อสรุปผู้ประกอบการเดินรถเส้นทางดังกล่าว หลังจากนั้นกรมฯ จะนำเสนอผลให้คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง