นายโกมล ศรีบางพลีน้อย ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ เปิดเผยว่า ในเดือนมีนาคมนี้ ท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.) จะเปิดการให้บริการท่าเทียบเรือชายฝั่ง 20G เพื่อรองรับปริมาณตู้สินค้า และเรือชายฝั่งที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งยกระดับการให้บริการในการขนส่งสินค้า และตู้สินค้าภายในประเทศกับท่าเรือแหลมฉบัง และเชื่อมโยงกับท่าเรือในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ท่าเรือชายฝั่งภายในประเทศและต่างประเทศ
ทั้งนี้ เมื่อเปิดท่าเทียบเรือดังกล่าวจะช่วยลดปัญหาการจราจรบนท้องถนนได้มาก โดยจะสามารถลดจำนวนรถบรรทุกได้อย่างน้อย 2-3 หมื่นคันต่อปี และยังช่วยลดค่าใช้จ่ายแก่ผู้ใช้บริการด้วยประมาณร้อยละ 15-20
สำหรับท่าเทียบเรือชายฝั่ง 20G เป็นพื้นที่เทอร์มินอล 2 บริเวณเขื่อนตะวันออก (ปากคลองพระโขนง) ใช้งบประมาณในการพัฒนาปรับปรุง 452 ล้านบาท มีบริเวณหน้าท่าความยาว 250 เมตร มีการติดตั้งปั่นจั่นยกตู้สินค้าหน้าท่าชนิดเดินบนราง 2 คัน สามารถยกตู้สินค้าได้ 40 ตัน รองรับเรือชายฝั่งพร้อมกันได้ 2 ลำ มีขีดความสามารถรองรับเรือชายฝั่งได้ประมาณปีละ 4,000 ลำ หรือคิดเป็นปริมาณตู้สินค้า 240,000 ที.อี.ยู.ต่อปี จากปัจจุบันรองรับได้เพียง 60,000 ที.อี.ยูต่อปี ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า คาดว่าน่าจะรองรับได้ 10-20 ปีข้างหน้า แต่ระหว่างนี้จะคิดแผนปรับปรุงท่าเทียบเรือฯ เพื่อรับมือหากปริมาณตู้สินค้าเต็มขีดความสามารถในการรองรับเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตามคาดว่าจะคืนทุนไม่เกิน 6 ปี
นอกจากนี้ ท่าเรือกรุงเทพ จะเป็นท่าเรือแห่งแรกที่ร่วมมือกับกรมศุลกากรในการตรวจปล่อยสถานะตู้สินค้า ผ่านการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์จุดเดียวเบ็ดเสร็จที่ท่าเรือกรุงเทพเลย ซึ่งเดิมการตรวจดังกล่าวจะเกิดขึ้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นท่าเรือสุดท้ายก่อนที่จะส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ ดังนั้น หากมาใช้บริการที่ถ้าเทียบเรือชายฝั่ง 20 G ขั้นตอนของการตรวจตู้สินค้าจะเสร็จสิ้นที่ท่าเรือกรุงเทพเลย เมื่อไปถึงท่าเรือแหลมฉบัง ก็สามารถเปลี่ยนถ่ายขึ้นเรือใหญ่ เพื่อส่งออกต่างประเทศได้เลย
อย่างไรก็ตาม ท่าเทียบเรือฯ เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง มีการนำกล้องซีซีทีวีบันทึกภาพขณะขนถ่าย และมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้บริการได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ เมื่อเปิดท่าเทียบเรือดังกล่าวจะช่วยลดปัญหาการจราจรบนท้องถนนได้มาก โดยจะสามารถลดจำนวนรถบรรทุกได้อย่างน้อย 2-3 หมื่นคันต่อปี และยังช่วยลดค่าใช้จ่ายแก่ผู้ใช้บริการด้วยประมาณร้อยละ 15-20
สำหรับท่าเทียบเรือชายฝั่ง 20G เป็นพื้นที่เทอร์มินอล 2 บริเวณเขื่อนตะวันออก (ปากคลองพระโขนง) ใช้งบประมาณในการพัฒนาปรับปรุง 452 ล้านบาท มีบริเวณหน้าท่าความยาว 250 เมตร มีการติดตั้งปั่นจั่นยกตู้สินค้าหน้าท่าชนิดเดินบนราง 2 คัน สามารถยกตู้สินค้าได้ 40 ตัน รองรับเรือชายฝั่งพร้อมกันได้ 2 ลำ มีขีดความสามารถรองรับเรือชายฝั่งได้ประมาณปีละ 4,000 ลำ หรือคิดเป็นปริมาณตู้สินค้า 240,000 ที.อี.ยู.ต่อปี จากปัจจุบันรองรับได้เพียง 60,000 ที.อี.ยูต่อปี ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า คาดว่าน่าจะรองรับได้ 10-20 ปีข้างหน้า แต่ระหว่างนี้จะคิดแผนปรับปรุงท่าเทียบเรือฯ เพื่อรับมือหากปริมาณตู้สินค้าเต็มขีดความสามารถในการรองรับเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตามคาดว่าจะคืนทุนไม่เกิน 6 ปี
นอกจากนี้ ท่าเรือกรุงเทพ จะเป็นท่าเรือแห่งแรกที่ร่วมมือกับกรมศุลกากรในการตรวจปล่อยสถานะตู้สินค้า ผ่านการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์จุดเดียวเบ็ดเสร็จที่ท่าเรือกรุงเทพเลย ซึ่งเดิมการตรวจดังกล่าวจะเกิดขึ้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นท่าเรือสุดท้ายก่อนที่จะส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ ดังนั้น หากมาใช้บริการที่ถ้าเทียบเรือชายฝั่ง 20 G ขั้นตอนของการตรวจตู้สินค้าจะเสร็จสิ้นที่ท่าเรือกรุงเทพเลย เมื่อไปถึงท่าเรือแหลมฉบัง ก็สามารถเปลี่ยนถ่ายขึ้นเรือใหญ่ เพื่อส่งออกต่างประเทศได้เลย
อย่างไรก็ตาม ท่าเทียบเรือฯ เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง มีการนำกล้องซีซีทีวีบันทึกภาพขณะขนถ่าย และมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้บริการได้เป็นอย่างดี