นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้คัดเลือกสหกรณ์ที่มีศักยภาพในด้านการดำเนินธุรกิจการเกษตรแบบครบวงจร จากสหกรณ์การเกษตรทั้งหมด 3,000 กว่าแห่ง ทั่วประเทศ สามารถคัดสหกรณ์ที่มีความพร้อมจะพัฒนาให้เป็น SME เกษตร จำนวน 1,240 แห่ง โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มแรกเป็นสหกรณ์ที่มีเข้มแข็งในการดำเนินธุรกิจและมีศักยภาพในด้านการส่งเสริมสมาชิกผลิตสินค้าการเกษตรที่สำคัญ โดยสหกรณ์ทำหน้าที่ในการรวบรวมและแปรรูป เพื่อเพิ่มมูลค่าส่งจำหน่ายสู่ตลาด มีจำนวน 705 แห่ง สหกรณ์กลุ่มที่ 2 เป็นสหกรณ์ที่มีการรวบรวมผลผลิตการเกษตร แต่ยังไม่มีการรวมเป็นกลุ่มผู้ผลิต มีจำนวน 410 แห่ง ต้องพัฒนากระบวนการผลิตและการแปรรูป พร้อมทั้งสนับสนุนเงินทุนเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์การตลาด การพัฒนาบรรจุภัณฑ์สินค้าและยกระดับคุณภาพสินค้าให้ได้รับรองมาตรฐาน สำหรับสหกรณ์กลุ่มที่ 3 เป็นสหกรณ์ที่รวมกลุ่มดำเนินธุรกิจแล้ว แต่ยังไม่มีการรวบรวมสินค้าการเกษตร มีจำนวน 125 แห่ง โดยกรมฯจะประสานหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าไปแนะนำส่งเสริมและสร้างแรงจูงใจให้สมาชิกสหกรณ์เหล่านี้ผลิตสินค้าการเกษตร ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด และพัฒนาระบบบริหารจัดการของสหกรณ์ให้มีความพร้อมสำหรับการรวบรวมและขยายช่องทางตลาดสินค้า
ทั้งนี้ สหกรณ์สามารถยื่นขอกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเพื่อมาดำเนินการในส่วนนี้ได้ ขณะที่การขยายช่องทางการตลาดสินค้าสหกรณ์ กรมฯได้สนับสนุนให้สหกรณ์เปิดพื้นที่เป็นตลาดกลางสินค้าการเกษตรเพิ่มขึ้นอีก 6 แห่ง และพัฒนาระบบ E-commerce เชื่อมโยงสินค้าสหกรณ์ไปสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันได้เปิดเวปไซต์ www.coopshopth.com ขึ้นมารองรับการเปิดตลาดสินค้าสหกรณ์ผ่านช่องทางระบบออนไลน์เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ สหกรณ์สามารถยื่นขอกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเพื่อมาดำเนินการในส่วนนี้ได้ ขณะที่การขยายช่องทางการตลาดสินค้าสหกรณ์ กรมฯได้สนับสนุนให้สหกรณ์เปิดพื้นที่เป็นตลาดกลางสินค้าการเกษตรเพิ่มขึ้นอีก 6 แห่ง และพัฒนาระบบ E-commerce เชื่อมโยงสินค้าสหกรณ์ไปสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันได้เปิดเวปไซต์ www.coopshopth.com ขึ้นมารองรับการเปิดตลาดสินค้าสหกรณ์ผ่านช่องทางระบบออนไลน์เรียบร้อยแล้ว