นายมานิจ สุขสมจิตร ประธานคณะอนุกรรมการด้านสื่อสารสังคม คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการฯ ที่มี พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ เป็นประธาน มีมติให้แก้ไขร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ...) พ.ศ. .... ตามที่อนุกรรมการบริหารงานบุคคล ที่ พล.อ.บุญสร้าง เป็นประธาน เสนอ โดยให้เพิ่มเติมมาตรา 106/1 ให้มีคณะกรรมการพิจารณาร้องทุกข์ที่ได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) คณะหนึ่ง เรียกโดยย่อว่า "ก.รท." มีอำนาจหน้าที่พิจารณาเรื่องร้องทุกข์ของข้าราชการตำรวจ ประกอบด้วย คณะกรรมการข้าราชการตำรวจผู้ทรงคุณวุฒิคนหนึ่ง เป็นประธานกรรมการ และคณะกรรมการจำนวน 8 คน ประกอบด้วย รองเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ที่ได้รับมอบหมาย ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมีความรู้ ความซื่อสัตย์สุจริต ความเที่ยงธรรมเป็นที่ประจักษ์ ไม่เคยเป็นข้าราชการตำรวจมาก่อน จำนวน 3 คน รวมทั้งผู้เคยเป็นข้าราชการตำรวจในตำแหน่งตั้งแต่ผู้บัญชาการหรือตำแหน่งเทียบเท่าขึ้นไป จำนวน 4 คน ให้ผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ เป็นเลขานุการ และผู้บังคับการหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการรับเรื่องราวร้องทุกข์ของข้าราชการตำรวจ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
ทั้งนี้ หากมีเรื่องร้องเรียนจากข้าราชการตำรวจ ให้ถือคำวินิจฉัยของ ก.รท. เป็นที่สุด และให้เป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชา ผู้มีอำนาจ ก.ตร. หรือ ก.ต.ช. แล้วแต่กรณีในการสั่งการเยียยาและแก้ไขหรือดำเนินการตามสมควร เช่น หากมีการโยกย้ายไม่เป็นธรรม และตรวจสอบพบว่าเป็นเรื่องจริง ให้มีการเยียวยาหรือให้บุคคลนั้นกลับไปดำรงตำแหน่งเดิม หรือจัดหาตำแหน่งที่เหมาะสมต่อไป สำหรับงานด้านบริหารงานบุคคล ที่ประชุมจะพิจารณาให้แล้วเสร็จในวันที่ 27 ธันวาคม และเสนอต่อรัฐบาลในวันที่ 28 ธันวาคม ตามกรอบระยะเวลาที่รัฐบาลกำหนดไว้ เพื่อให้ทันต่อการแต่งตั้งโยกย้ายในปี 2561
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือถึงแนวคิดที่จะให้มีตำรวจเกณฑ์ โดยให้ทำในลักษณะเดียวกับทหารเกณฑ์ แต่เมื่อที่ประชุมฯ ตรวจสอบแล้ว พบว่าเรื่องนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ กรณีที่ระบุว่า ชายไทยต้องเกณฑ์ทหาร ไม่มีคำว่า "ตำรวจ" ดังนั้น ที่ประชุมจึงพิจารณาทางออก โดยอาจให้ทหารเกณฑ์ที่ผ่านการเกณฑ์ทหารและฝึกอบรมมาแล้ว 2 ปี สามารถสมัครเข้าเป็นตำรวจต่อได้ แต่ไม่ได้ให้เกี่ยวข้องกับคดี โดยให้อยู่ในด้านการดูแลรักษาความปลอดภัย หรือควบคุมฝูงชน เพื่อแก้ไขที่ขณะนี้มีปัญหาตำรวจขาดแคลนถึง 7,000 นาย อย่างไรก็ตาม แนวคิดดังกล่าวยังไม่มีข้อยุติ และต้องพิจารณารูปแบบที่เหมาะสมต่อไป
ทั้งนี้ หากมีเรื่องร้องเรียนจากข้าราชการตำรวจ ให้ถือคำวินิจฉัยของ ก.รท. เป็นที่สุด และให้เป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชา ผู้มีอำนาจ ก.ตร. หรือ ก.ต.ช. แล้วแต่กรณีในการสั่งการเยียยาและแก้ไขหรือดำเนินการตามสมควร เช่น หากมีการโยกย้ายไม่เป็นธรรม และตรวจสอบพบว่าเป็นเรื่องจริง ให้มีการเยียวยาหรือให้บุคคลนั้นกลับไปดำรงตำแหน่งเดิม หรือจัดหาตำแหน่งที่เหมาะสมต่อไป สำหรับงานด้านบริหารงานบุคคล ที่ประชุมจะพิจารณาให้แล้วเสร็จในวันที่ 27 ธันวาคม และเสนอต่อรัฐบาลในวันที่ 28 ธันวาคม ตามกรอบระยะเวลาที่รัฐบาลกำหนดไว้ เพื่อให้ทันต่อการแต่งตั้งโยกย้ายในปี 2561
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือถึงแนวคิดที่จะให้มีตำรวจเกณฑ์ โดยให้ทำในลักษณะเดียวกับทหารเกณฑ์ แต่เมื่อที่ประชุมฯ ตรวจสอบแล้ว พบว่าเรื่องนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ กรณีที่ระบุว่า ชายไทยต้องเกณฑ์ทหาร ไม่มีคำว่า "ตำรวจ" ดังนั้น ที่ประชุมจึงพิจารณาทางออก โดยอาจให้ทหารเกณฑ์ที่ผ่านการเกณฑ์ทหารและฝึกอบรมมาแล้ว 2 ปี สามารถสมัครเข้าเป็นตำรวจต่อได้ แต่ไม่ได้ให้เกี่ยวข้องกับคดี โดยให้อยู่ในด้านการดูแลรักษาความปลอดภัย หรือควบคุมฝูงชน เพื่อแก้ไขที่ขณะนี้มีปัญหาตำรวจขาดแคลนถึง 7,000 นาย อย่างไรก็ตาม แนวคิดดังกล่าวยังไม่มีข้อยุติ และต้องพิจารณารูปแบบที่เหมาะสมต่อไป