นายสุรพร พร้อมมูล ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ ที่จังหวัดสงขลา ในวันที่ 28 พฤศจิกายนนี้ ในส่วนของจังหวัดนราธิวาส ได้เตรียมนำประเด็นข้อมูลต่างๆ ที่เป็นแผนงาน โครงการ ที่มีความจำเป็นเร่งด่วน 2 ส่วน คือ การขอสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติม และให้รัฐบาลได้ผลักดันเชิงนโยบาย เพื่อให้การดำเนินงานบรรลุตามวัตถุประสงค์ นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอด้านอื่นๆ ที่สำคัญ อาทิ จากการที่คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาจังหวัดนราธิวาสเห็นชอบให้ใช้กลไกสานพลังประชารัฐ โดยให้ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ ภาคประชาสังคม และภาคประชาชน ได้มีโอกาสเข้ามาช่วยวิเคราะห์กลไกในการแก้ไขและพัฒนาการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่มีการผลิต ผลิตภัณฑ์กระจูด โดยบริษัท ประชารัฐรักสามัคคี นราธิวาส (วิสาหกิจเพื่อสังคม) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการจัดตั้ง "ธนาคารกระจูด" ซึ่งในขณะนี้มีกลุ่มจักสานผลิตภัณฑ์กระจูด 17 ชุมชน รวมสมาชิกกว่า 400 คน มีการนำกระจูดมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ กระเป๋า เสื่อ เป็นต้น ตามโครงการศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินาถ ในรัชกาลที่ 9 แต่ทางบริษัท ประชารัฐฯ ต้องการเข้ามาช่วยส่งเสริมเพราะนราธิวาสมีพื้นที่ป่าพรุ 2 แห่ง คือ ป่าพรุบาเจาะ และป่าพรุโต๊ะแดง ที่มีกระจูด 2 น้ำ เป็นกระจูดที่มีคุณภาพดี ประกอบกับประชาชนมีทักษะฝีมือ และทางบริษัท ประชารัฐฯ จะหาวิทยากรมาสอนการทำลายใหม่ๆ สามารถเพิ่มมูลค่า สร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงจัดหาตลาดด้วย
ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า จะนำเสนอรายละเอียดทั้งหมดนี้ให้คณะรัฐมนตรีได้รับทราบ และพิจารณาสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนในกิจกรรมของโครงการศิลปาชีพฯ และบริษัท ประชารัฐรักสามัคคี นราธิวาส (วิสาหกิจเพื่อสังคม) ทั้งนี้ อยากให้ประชาชนมีรายได้เพิ่ม เดิมทีมีรายได้ต่อคน ต่อเดือน ประมาณ 3,000 บาท แต่ถ้ามาร่วมกับบริษัท ประชารัฐฯ จะมีรายได้ต่อคนเพิ่มขึ้นประมาณ 9,000-10,000 บาท
ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ย้ำด้วยว่า หากรัฐบาลเข้ามาสนับสนุนส่งเสริมในเรื่องของกระจูดแล้ว จะเป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้กับประชาชนในพื้นที่ ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ที่สำคัญจะน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการพัฒนา เพื่อให้เกิดความยั่งยืนต่อไป
ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า จะนำเสนอรายละเอียดทั้งหมดนี้ให้คณะรัฐมนตรีได้รับทราบ และพิจารณาสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนในกิจกรรมของโครงการศิลปาชีพฯ และบริษัท ประชารัฐรักสามัคคี นราธิวาส (วิสาหกิจเพื่อสังคม) ทั้งนี้ อยากให้ประชาชนมีรายได้เพิ่ม เดิมทีมีรายได้ต่อคน ต่อเดือน ประมาณ 3,000 บาท แต่ถ้ามาร่วมกับบริษัท ประชารัฐฯ จะมีรายได้ต่อคนเพิ่มขึ้นประมาณ 9,000-10,000 บาท
ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ย้ำด้วยว่า หากรัฐบาลเข้ามาสนับสนุนส่งเสริมในเรื่องของกระจูดแล้ว จะเป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้กับประชาชนในพื้นที่ ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ที่สำคัญจะน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการพัฒนา เพื่อให้เกิดความยั่งยืนต่อไป