นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ช่วยผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวถึงการเตรียมพื้นที่การก่อสร้างรถไฟฟ้าสีชมพู (ช่วงแคราย-มีนบุรี) ว่า โครงการดังกล่าวจะเริ่มต้นที่สถานีศูนย์ราชการ จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ มาในเส้นทางติวานนท์ ตลอดแนวถนนแจ้งวัฒนะ และถนนรามอินทรา สิ้นสุดที่สถานีมีนบุรี ซึ่งจะบรรจบกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-มีนบุรี รวม 30 สถานี ระยะทาง 34.5 กิโลเมตร ขณะนี้อยู่ในช่วงของการเข้าพื้นที่เพื่อเริ่มดำเนินการรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภค
สำหรับการเตรียมงานก่อสร้าง ในวันนี้จะเริ่มปิดเพื่อเบี่ยงช่องจราจรถนนติวานนท์ บริเวณคลองบางตลาด ถึงกรมชลประทาน และบริเวณถนนรามอินทรา ตรงข้ามสถานีตำรวจทางหลวง 2 กองบังคับการ 8 (ใกล้แฟชั่นไอซ์แลนด์) เพื่อดำเนินงานเข็มทดสอบ ซึ่งเป็นการทดสอบการรองรับน้ำหนักของเสาเข็ม โดยจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน และจะดำเนินงานรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภคในวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้ด้วย
ขณะที่นายวิฑูรย์ สลิลอำไพ ผู้แทนจากบริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด เปิดเผยว่า การปิดเบี่ยงช่องจราจรเพื่อดำเนินงานเข็มทดสอบ จะเริ่มตั้งแต่เวลา 22.00 น. วันนี้ (20 พย.) จนถึงวันที่ 15 มีนาคม 2561 จะมี 2 จุด โดยจุดแรก คือ ถนนติวานนท์ บริเวณคลองบางตลาด ถึงกรมชลประทาน ระยะทาง 210 เมตร ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2561 จะปิดช่องทางจราจรขวาสุด (ชิดเกาะกลางถนน) 1 ช่องทางการจราจร ในช่วงเวลา 22.00-04.00 น. ส่วนจุดที่ 2 ถนนรามอินทรา บริเวณฝั่งขาเข้า ตรงข้ามสถานีตำรวจทางหลวง 2 กองบังคับการ 8 (ใกล้ศูนย์การค้าแฟชั่น ไอซ์แลนด์) ระยะทางประมาณ 200 เมตร ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม - 15 มีนาคม 2561 จะปิดช่องทางจราจรช่องซ้ายสุด 1 ช่องจราจร บริเวณฝั่งขาเข้า ตั้งแต่เวลา 22.00-04.00 น. เฉพาะวันที่มีการขนย้ายเครื่องจักรหนักและวันที่มีงานเทคอนกรีต
ส่วนวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป จะเริ่มปิดเบี่ยงจราจรเพื่อรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภคใต้ดิน บริเวณเกาะกลางถนนแจ้งวัฒนะ และรามอินทรา เสียช่องทางจราจรข้างละ 1 ช่อง ทั้งขาเข้าและขาออก โดยแบ่งเป็น 4 ช่วง คือ ช่วงเชิงสะพานพระราม 4 - เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ จากเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ - TOT อนุสาวรีย์วงเวียนบางเขน - ปากซอยรามอินทรา 83 และช่วงคลองบางชัน - แยกเมืองมีน ใช้ระยะเวลา 10 เดือน
ทางด้าน พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่ดูแลงานด้านการจราจร เปิดเผยว่า การอำนวยความสะดวกด้านจราจรระหว่างก่อสร้าง ทางตำรวจได้จัดประชุมความพร้อมทั้งการจัดการจราจรและจัดสรรกำลังเจ้าหน้าที่สำหรับการเร่งระบายรถในชั่วโมงเร่งด่วน คาดว่าการปิดเบี่ยงจราจรที่ถนนติวานนท์ จะไม่กระทบกับการจราจรมากนัก เพราะมีปริมาณรถไม่หนาแน่น ยกเว้นช่วงเช้าและเย็น แต่การปิดจราจรถนนรามอินทรา จะมีรถสะสมได้ จึงขอแนะนำประชาชนให้หลีกเลี่ยงเส้นทาง โดยสามารถใช้ถนนปัญญา-อินทรา ถนนเสรีไทย หรือขึ้นทางด่วนอาจณรงค์-รามอินทรา หน้าศูนย์การค้าแฟชั่น ไอซ์แลนด์ ได้ ส่วนการปิดเบี่ยงจราจรเพื่อรื้อย้ายสาธารณูปโภค คาดว่าจะไม่มีการปิดจุดกลับรถในพื้นที่ และเน้นการปิดกั้นเพียง 1 ช่องจราจรเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังได้จัดเส้นทางสำหรับหลีกเลี่ยงการจราจรไว้หลายเส้นทาง เช่น ถนนติวานนท์ สามารถวิ่งเข้าสู่ถนนสามัคคี เพื่อไปยังถนนประชาชื่น หรือถนนเลี่ยงเมืองปากเกร็ดได้ ส่วนถนนแจ้งวัฒนะ สามารถเลี่ยงเข้าซอยแจ้งวัฒนะ 14 เพื่อออกสู่ถนนกำแพงเพชร 6 ด้านถนนพหลโยธิน สามารถเลี่ยงเข้าซอยพหลโยธิน 48 เพื่อออกสู่ถนนรามอินทรา และจากถนนรามอินทรา สามารถเลี้ยวเข้าซอยมัยลาภ เพื่อออกสู่ถนนเกษตร-นวมินทร์ หรือเข้าซอยรามอินทรา 39 เพื่อออกสู่ถนนวัชรพล และถนนสุขาภิบาล 5 ได้ และยังสามารถเลี้ยวเข้าถนนปัญญา-อินทรา หรือถนนพระยาสุเรนทร์ เพื่อมุ่งหน้าสู่ถนนหทัยราษฎร์ เป็นต้น
รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า แผนการจราจรดังกล่าวจะช่วยระบายรถไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ในอนาคตอาจมีการปรับแผนการจราจรเพิ่มเติมเมื่อมีการปิดถนนจริง เพื่อให้ประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนได้รับความสะดวกมากที่สุด ซึ่งผู้ที่ใช้เส้นทางสามารถสอบถามรายละเอียดการเปลี่ยนเส้นทางการจราจรได้ที่หมายเลข 098-827-5555
สำหรับการเตรียมงานก่อสร้าง ในวันนี้จะเริ่มปิดเพื่อเบี่ยงช่องจราจรถนนติวานนท์ บริเวณคลองบางตลาด ถึงกรมชลประทาน และบริเวณถนนรามอินทรา ตรงข้ามสถานีตำรวจทางหลวง 2 กองบังคับการ 8 (ใกล้แฟชั่นไอซ์แลนด์) เพื่อดำเนินงานเข็มทดสอบ ซึ่งเป็นการทดสอบการรองรับน้ำหนักของเสาเข็ม โดยจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน และจะดำเนินงานรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภคในวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้ด้วย
ขณะที่นายวิฑูรย์ สลิลอำไพ ผู้แทนจากบริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด เปิดเผยว่า การปิดเบี่ยงช่องจราจรเพื่อดำเนินงานเข็มทดสอบ จะเริ่มตั้งแต่เวลา 22.00 น. วันนี้ (20 พย.) จนถึงวันที่ 15 มีนาคม 2561 จะมี 2 จุด โดยจุดแรก คือ ถนนติวานนท์ บริเวณคลองบางตลาด ถึงกรมชลประทาน ระยะทาง 210 เมตร ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2561 จะปิดช่องทางจราจรขวาสุด (ชิดเกาะกลางถนน) 1 ช่องทางการจราจร ในช่วงเวลา 22.00-04.00 น. ส่วนจุดที่ 2 ถนนรามอินทรา บริเวณฝั่งขาเข้า ตรงข้ามสถานีตำรวจทางหลวง 2 กองบังคับการ 8 (ใกล้ศูนย์การค้าแฟชั่น ไอซ์แลนด์) ระยะทางประมาณ 200 เมตร ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม - 15 มีนาคม 2561 จะปิดช่องทางจราจรช่องซ้ายสุด 1 ช่องจราจร บริเวณฝั่งขาเข้า ตั้งแต่เวลา 22.00-04.00 น. เฉพาะวันที่มีการขนย้ายเครื่องจักรหนักและวันที่มีงานเทคอนกรีต
ส่วนวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป จะเริ่มปิดเบี่ยงจราจรเพื่อรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภคใต้ดิน บริเวณเกาะกลางถนนแจ้งวัฒนะ และรามอินทรา เสียช่องทางจราจรข้างละ 1 ช่อง ทั้งขาเข้าและขาออก โดยแบ่งเป็น 4 ช่วง คือ ช่วงเชิงสะพานพระราม 4 - เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ จากเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ - TOT อนุสาวรีย์วงเวียนบางเขน - ปากซอยรามอินทรา 83 และช่วงคลองบางชัน - แยกเมืองมีน ใช้ระยะเวลา 10 เดือน
ทางด้าน พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่ดูแลงานด้านการจราจร เปิดเผยว่า การอำนวยความสะดวกด้านจราจรระหว่างก่อสร้าง ทางตำรวจได้จัดประชุมความพร้อมทั้งการจัดการจราจรและจัดสรรกำลังเจ้าหน้าที่สำหรับการเร่งระบายรถในชั่วโมงเร่งด่วน คาดว่าการปิดเบี่ยงจราจรที่ถนนติวานนท์ จะไม่กระทบกับการจราจรมากนัก เพราะมีปริมาณรถไม่หนาแน่น ยกเว้นช่วงเช้าและเย็น แต่การปิดจราจรถนนรามอินทรา จะมีรถสะสมได้ จึงขอแนะนำประชาชนให้หลีกเลี่ยงเส้นทาง โดยสามารถใช้ถนนปัญญา-อินทรา ถนนเสรีไทย หรือขึ้นทางด่วนอาจณรงค์-รามอินทรา หน้าศูนย์การค้าแฟชั่น ไอซ์แลนด์ ได้ ส่วนการปิดเบี่ยงจราจรเพื่อรื้อย้ายสาธารณูปโภค คาดว่าจะไม่มีการปิดจุดกลับรถในพื้นที่ และเน้นการปิดกั้นเพียง 1 ช่องจราจรเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังได้จัดเส้นทางสำหรับหลีกเลี่ยงการจราจรไว้หลายเส้นทาง เช่น ถนนติวานนท์ สามารถวิ่งเข้าสู่ถนนสามัคคี เพื่อไปยังถนนประชาชื่น หรือถนนเลี่ยงเมืองปากเกร็ดได้ ส่วนถนนแจ้งวัฒนะ สามารถเลี่ยงเข้าซอยแจ้งวัฒนะ 14 เพื่อออกสู่ถนนกำแพงเพชร 6 ด้านถนนพหลโยธิน สามารถเลี่ยงเข้าซอยพหลโยธิน 48 เพื่อออกสู่ถนนรามอินทรา และจากถนนรามอินทรา สามารถเลี้ยวเข้าซอยมัยลาภ เพื่อออกสู่ถนนเกษตร-นวมินทร์ หรือเข้าซอยรามอินทรา 39 เพื่อออกสู่ถนนวัชรพล และถนนสุขาภิบาล 5 ได้ และยังสามารถเลี้ยวเข้าถนนปัญญา-อินทรา หรือถนนพระยาสุเรนทร์ เพื่อมุ่งหน้าสู่ถนนหทัยราษฎร์ เป็นต้น
รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า แผนการจราจรดังกล่าวจะช่วยระบายรถไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ในอนาคตอาจมีการปรับแผนการจราจรเพิ่มเติมเมื่อมีการปิดถนนจริง เพื่อให้ประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนได้รับความสะดวกมากที่สุด ซึ่งผู้ที่ใช้เส้นทางสามารถสอบถามรายละเอียดการเปลี่ยนเส้นทางการจราจรได้ที่หมายเลข 098-827-5555