นายโบว์แดง ทาแก้ว ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ขณะนี้การระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ 1,698 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงมีผลทำให้น้ำในทุ่งทั้ง 7 ทุ่งรับน้ำของจังหวัดพระนครศรีอยุธยามีระดับสูงเป็นเมตร ไม่มีผลทำให้น้ำเน่าเสีย ซึ่งไม่เกินปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ หากลดการระบายน้ำให้ต่ำกว่า 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับแม่น้ำจะต่ำกว่าตลิ่งทันที ดังนั้น น้ำในทุ่งจะระบายออกหมด รวมถึง หากเปิดประตูริมแม่น้ำต่างๆ ด้วย โดยต้องบริหารจัดการให้เหลือไว้บางส่วนประมาณไม่เกิน 0.50 เมตร เพื่อให้เกษตรกรได้ตีเทือกดินทำการเพาะปลูกรอบต่อไป พร้อมระบุ น้ำที่เน่าเสียส่วนใหญ่จะเป็นน้ำที่ขังอยู่นอกคันตามชุมชนริมแม่น้ำต่างๆ ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ต้องเข้าไปช่วยระบายน้ำออก ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำการปรับคุณภาพน้ำที่ท่วมขังไม่ให้ส่งกลิ่นเหม็น เกษตรจังหวัด และพัฒนาที่ดิน วางแผนการเพาะปลูก เนื่องจากจะมีเครือข่ายทั้งระดับตำบล อำเภอ และจังหวัด โดยสำรวจว่าเกษตรกรจะใช้พันธุ์ข้าว ปุ๋ย และยา อย่างไร เพื่อให้ผลผลิตออกมาให้ดีมีคุณภาพที่สุด