สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ วานนี้ (21 ต.ค.) ว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศแต่งตั้งประธานาธิบดีโรเบิร์ด มูกาเบ ผู้นำซิมบับเว เป็นทูตสันถวไมตรีขององค์กร นับเป็นผู้นำในทวีปแอฟริกาคนแรกที่ได้รับเกียรตินี้
นายมูกาเบ วัย 93 ปี เป็นผู้นำประเทศที่มีอายุมากที่สุดในโลกในปัจจุบัน ถูกประชาชนในประเทศวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในเรื่องการเดินทางไปรักษาพยาบาลในต่างแดนขณะที่เศรษฐกิจซิมบับเวกำลังล่มสลาย นอกจากนี้ นายมูกาเบ ยังถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลภายใต้การนำของเขา
ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกให้เหตุผลในการแต่งตั้งนายมูกาเบ ว่า ซิมบับเวมีผลงานดีเด่นในการรณรงค์ต่อต้านบุหรี่ และต่อต้านโรคที่ไม่ติดต่อ ซึ่งนายเทดรอส อัดฮานอม เกห์เบรเยซัส อดีตรัฐมนตรีสาธารณสุขเอธิโอเปีย ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกคนใหม่ เป็นผู้ร้องขอให้นายมูกาเบ รับตำแหน่งทูตสันถวไมตรี เพื่อแก้ไขปัญหาโรคไม่ติดต่อ เช่น หัวใจวาย เส้นโลหิตในสมองแตกเฉียบพลัน และโรคหืด ทั่วแอฟริกา
อย่างไรก็ตาม การแต่งตั้งดังกล่าวสร้างความสับสนและโกรธเคืองต่อกลุ่มนักเคลื่อนไหวระหว่างประเทศ ที่ระบุว่า ระบบสาธารณสุขของซิมบับเว รวมทั้งบริการสาธารณะอื่นๆ ล่มสลายภายใต้การปกครองแบบเผด็จการอำนาจนิยมของนายมูกาเบ
ทางด้านรัฐบาลอังกฤษระบุว่า การตัดสินใจขององค์การอนามัยโลกน่าประหลาดใจและน่าผิดหวัง โดยเฉพาะภายหลังจากสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปประกาศคว่ำบาตรนายมูกาเบ ส่วนนายเคนเนธ รอธ ซีอีโอกลุ่มฮิวแมน ไรตส์ วอตช์ ทวีตข้อความสั้นๆ เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า "เหลือเชื่อ"
นายมูกาเบ วัย 93 ปี เป็นผู้นำประเทศที่มีอายุมากที่สุดในโลกในปัจจุบัน ถูกประชาชนในประเทศวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในเรื่องการเดินทางไปรักษาพยาบาลในต่างแดนขณะที่เศรษฐกิจซิมบับเวกำลังล่มสลาย นอกจากนี้ นายมูกาเบ ยังถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลภายใต้การนำของเขา
ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกให้เหตุผลในการแต่งตั้งนายมูกาเบ ว่า ซิมบับเวมีผลงานดีเด่นในการรณรงค์ต่อต้านบุหรี่ และต่อต้านโรคที่ไม่ติดต่อ ซึ่งนายเทดรอส อัดฮานอม เกห์เบรเยซัส อดีตรัฐมนตรีสาธารณสุขเอธิโอเปีย ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกคนใหม่ เป็นผู้ร้องขอให้นายมูกาเบ รับตำแหน่งทูตสันถวไมตรี เพื่อแก้ไขปัญหาโรคไม่ติดต่อ เช่น หัวใจวาย เส้นโลหิตในสมองแตกเฉียบพลัน และโรคหืด ทั่วแอฟริกา
อย่างไรก็ตาม การแต่งตั้งดังกล่าวสร้างความสับสนและโกรธเคืองต่อกลุ่มนักเคลื่อนไหวระหว่างประเทศ ที่ระบุว่า ระบบสาธารณสุขของซิมบับเว รวมทั้งบริการสาธารณะอื่นๆ ล่มสลายภายใต้การปกครองแบบเผด็จการอำนาจนิยมของนายมูกาเบ
ทางด้านรัฐบาลอังกฤษระบุว่า การตัดสินใจขององค์การอนามัยโลกน่าประหลาดใจและน่าผิดหวัง โดยเฉพาะภายหลังจากสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปประกาศคว่ำบาตรนายมูกาเบ ส่วนนายเคนเนธ รอธ ซีอีโอกลุ่มฮิวแมน ไรตส์ วอตช์ ทวีตข้อความสั้นๆ เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า "เหลือเชื่อ"