xs
xsm
sm
md
lg

พสกนิกรทยอยนำพวงมาลัยดอกไม้มาถวายเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ต่อเนื่อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตามที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาต ให้สำนักพระราชวังจัดทำซุ้มประดิษฐาน พระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร บริเวณริมกำแพงพระบรมมหาราชวัง ระหว่างประตูวิเศษไชยศรี และประตูมณีนพรัตน์ ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นประจำทุกวัน เพื่อให้ประชาชนได้ถวายสักการะต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
บรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ (11 ต.ค.60) นั้น ทันทีที่เจ้าหน้าที่เปิดจุดคัดกรองทั้ง 2 จุด บริเวณประตูท่าช้าง และประตูคัดกรองริมคลองหลอดระหว่างถนนศาลหลักเมือง และกระทรวงกลาโหม ตั้งแต่เวลา 08.00 น. มีประชาชนเป็นจำนวนมากทยอยเดินทางมาพร้อมกับพวงมาลัยดอกไม้ มาถวายที่พาน เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายสลับตกหนักป็นระยะแต่พสกนิกรมิได้หวั่นเกรง ต่างพกร่มและเสื้อกันฝนมาเป็นที่กำบังฝนให้ตัวเอง
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังได้เตรียมพานจำนวน 9 พาน วางไว้เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อใช้สำหรับถวายพวงมาลัย และดอกไม้สด โดยเจ้าหน้าที่ได้นำแผงเหล็กมากั้นตั้งแต่จุดคัดกรองบริเวณประตูท่าช้างจนถึงถนนหน้าศาลหลักเมือง เพื่อแบ่งเลนถนนให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้น
นายทนงศิลป์ สามัคคี อายุ 56 ปี ชาว ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ประกอบอาชีพรับจ้าง ได้ปั่นจักรยานมาถึงหน้าพระบรมมหาราชวังและเข้ากราบสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หลังปั่นจักรยานออกจากภูเก็ตตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม เพื่อตั้งใจมากราบถวายบังคมพระบรมศพ แต่มาไม่ทันเพราะสำนักพระราชวังปิดให้ประชาชนถวายบังคมพระบรมศพในวันที่ 5 ตุลาคม เวลา 24.00 น.ที่ผ่านมา แต่เมื่อทราบว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนเข้ามาถวายพวงมาลัย เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ที่ริมกำแพงพระบรมมหาราชวัง จึงอยู่เพื่อรอวันนี้ให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต
นายทนงศิลป์ กล่าวด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่า มีความสุขและภาคภูมิใจมากที่ได้เดินทางมากราบสักการะพระองค์ ซึ่งการปั่นจักรยานมาจากภูเก็ตเป็นระยะทางไม่ใช่น้อย แม้ว่าจะได้กราบเพียงหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ก็รู้สึกซาบซึ้งมาก โดยก่อนหน้านี้ ตนเคยปั่นจักรยานมาจากภูเก็ตตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2559 และมาถึงสนามหลวงในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2559 เพื่อมากราบถวายบังคมพระบรมศพ บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
นางธัณย์ลิษา ชนนท์สิริวรกุล อายุ 55 ปี ซึ่งพาน้องคือ นางสาวรุ่งทรัพย์ วิบูลย์สุโชคณา อายุ 45 ปี ที่เดินทางมาจากจังหวัดชลบุรี เล่าให้ฟังว่า ที่ผ่านมาตัวเองนั้นเคยร่วมเป็นจิตอาสาแจกอาหาร ทั้งร่วมเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ และต่อแถวเข้ากราบพระบรมศพ วันนี้เมื่อมีโอกาสได้พาน้องสาวมาถวายดอกไม้ต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 อีกครั้ง ก็รู้สึกปลื้มปีติเป็นล้นพ้น ขอแค่ได้เข้ามาเห็นกำแพงพระบรมมหาราชวังที่พระองค์ท่านประทับอยู่ เพียงเท่านี้ก็พอใจแล้ว
ด้าน นางสาวรุ่งทรัพย์ วิบูลย์สุโชคณา เผยว่า ที่ผ่านมาไม่มีโอกาสได้เข้ามากราบพระบรมศพ พอได้ทราบว่า สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนได้เข้าถวายดอกไม้ และพวงมาลัยเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ตัวเองจึงขอให้พี่สาวพามา เพื่อถวายความจงรักภักดีแบะถวายความอาลัยต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 สักครั้งในชีวิตโดยเดินทางออกจากบ้านพักย่านบางนาตั้งแต่เวลา 05.00 น. และก็มาถึงพระบรมมหาราชวังในช่วงสายๆ เมื่อถวายเสร็จเรียบร้อยก็จะเดินทางกลับชลบุรี
ขณะที่ พล.ต.ต.มนตรี ยิ้มแย้ม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวภายหลังเดินทางมาตรวจความเรียบร้อยโดยรอบบริเวณที่เปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ว่า ทางสำนักพระราชวัง กองบัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงกลาโหม กรุงเทพมหานคร และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้เตรียมความพร้อมในการดูแลอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่เดินทางมาถวายสักการะหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งได้วางกำลังเต็มที่เหมือนกับช่วงที่มีการกราบถวายบังคมพระบรมศพในพระบรมมหาราชวัง รวมถึงมีหน่วยแพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจมาคอยให้บริการประชาชนด้วย
สำหรับประชาชนที่ต้องการเข้าถวายสักการะหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขอแนะนำให้นั่งรถโดยสาร เพราะหากนำรถส่วนตัวมาอาจไม่มีที่จอด และส่งผลให้การจราจรติดขัด โดยประชาชนสามารถเข้าได้ผ่านทางจุดคัดกรอง 2 จุด ได้แก่ จุดคัดกรองหลังศาลหลักเมือง ข้างกระทรวงกลาโหม และจุดคัดกรองบริเวณท่าช้าง ควรแต่งกายด้วยชุดสุภาพและนำบัตรประชาชนติดตัวมาแสดงที่จุดคัดกรองด้วย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สำนักงานกรุงเทพฯ กล่าวว่า พวงมาลัย และดอกไม้สดที่ประชาชนนำมาถวายในพานทั้ง 9 พานนั้น ทุกเย็นเจ้าหน้าที่จะนำไปตกแต่งไว้ที่สวนรมมณีนาถ เพื่อประดับตกแต่งให้สวยงาม และถ้าฝนไม่ตกจะนำดอกไม้มาร้อยเป็นบุหงา แต่ถ้าฝนตกแบบนี้ทุกวันจะนำดอกไม้มาทำเป็นน้ำปุ๋ยสำหรับใส่เป็นปุ๋ยต้นไม้ต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น