นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผย ว่า กสทช. ได้ลงนามสัญญาโครงการจัดให้มีสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ชายขอบ 3,920 หมู่บ้าน จำนวน 8 สัญญา วงเงิน 12,989.69 ล้านบาท เพื่อเร่งดำเนินการจ้างบริการให้เปิดใช้งานได้ภายในปีนี้ ซึ่งประชาชนที่อยู่ในพื้นที่โครงการจะสามารถใช้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 30/10 Mbps ในราคาไม่เกิน 200 บาทต่อเดือน และมี USO แพคเกจรุ่นเล็ก ความเร็ว 15 Mbps ราคาไม่เกิน 150 บาทต่อเดือน และ USO แพคเกจรุ่นจิ๋ว ความเร็ว 10 Mbps ราคาไม่เกิน 100 บาทต่อเดือน เฉลี่ยไม่เกินเมกละ 10 บาท ให้บริการสำหรับผู้ที่มีรายได้น้อยและมีความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่มีความเร็วต่ำกว่า 30 Mbps
ส่วนการให้บริการที่ไม่เสียค่าบริการเพื่อสาธารณะ คือ ไวไฟสาธารณะ 3,149 จุด เฉลี่ยหมู่บ้านละ 1 จุด อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในหน่วยงานภาครัฐทั้งโรงเรียน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล รวม 1,317 แห่ง และมีศูนย์บริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะ 763 ศูนย์ พร้อมผู้ดูแลประจำศูนย์อย่างน้อย 1 คน จะให้บริการฟรีทั้งหมดตลอดระยะเวลา 5 ปี
นอกจากนี้ ยังมีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงไม่ต่ำกว่า 30 Mbps เปิดบริการไม่น้อยกว่า 588 หมู่บ้าน ภายในเดือนธันวาคม 2560 และอีก 2,352 หมู่บ้าน ภายในเดือนเมษายน 2561 ก่อนเปิดให้บริการครบ 100 เปอร์เซ็นต์ ในเดือนสิงหาคม 2561 ซึ่งโครงการเน็ตชายขอบนี้สามารถประหยัดงบประมาณลงได้ 624.93 ล้านบาท จากราคากลางโครงการ 13,614.62 ล้านบาท เชื่อว่าจะช่วยให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลได้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตราคาถูกและมีโอกาสเหมือนคนเมือง
ส่วนการให้บริการที่ไม่เสียค่าบริการเพื่อสาธารณะ คือ ไวไฟสาธารณะ 3,149 จุด เฉลี่ยหมู่บ้านละ 1 จุด อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในหน่วยงานภาครัฐทั้งโรงเรียน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล รวม 1,317 แห่ง และมีศูนย์บริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะ 763 ศูนย์ พร้อมผู้ดูแลประจำศูนย์อย่างน้อย 1 คน จะให้บริการฟรีทั้งหมดตลอดระยะเวลา 5 ปี
นอกจากนี้ ยังมีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงไม่ต่ำกว่า 30 Mbps เปิดบริการไม่น้อยกว่า 588 หมู่บ้าน ภายในเดือนธันวาคม 2560 และอีก 2,352 หมู่บ้าน ภายในเดือนเมษายน 2561 ก่อนเปิดให้บริการครบ 100 เปอร์เซ็นต์ ในเดือนสิงหาคม 2561 ซึ่งโครงการเน็ตชายขอบนี้สามารถประหยัดงบประมาณลงได้ 624.93 ล้านบาท จากราคากลางโครงการ 13,614.62 ล้านบาท เชื่อว่าจะช่วยให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลได้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตราคาถูกและมีโอกาสเหมือนคนเมือง