พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ รักษาการ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พล.ต.ต.ทนงศักดิ์ วังสุภา รักษาการรอง ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.อาคม สายสมัย รักษาการ ผบก.สส.จชต. พล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผบ.ฉก.ปัตตานี พร้อมผู้บังคับบัญชาหน่วยทหาร และตำรวจในพื้นที่ รวมถึงเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมเร่งรัดคดีคนร้ายลอบวางระเบิดทหารพราน หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 44 เสียชีวิต 4 นาย และบาดเจ็บ 5 นาย ชาวบ้าน 1 ราย เหตุเกิดบนถนนสายเก่า สาย 42 หมู่ 1 ต.ตะบิ้ง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา
รายงานข่าว ระบุว่า ที่ประชุมมีการสรุปผลการดำเนินการด้านคดี และมีการสั่งเร่งรัดหาเบาะแสนำไปสู่การระบุกลุ่ม เพื่อติดตามจับกุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุให้รวดเร็วยิ่งขึ้น จึงได้มีการปรับแผนการดำเนินการด้านต่างๆ ให้มีความเข้มข้น และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มากยิ่งขึ้น ด้วยการสนธิกำลังเป็นชุดปฏิบัติการพิเศษร่วม แบ่งการทำงานเป็น 2 ชุด
ทั้งนี้ ชุดที่ 1 มีหน้าที่รับผิดชอบติดตามหาร่องรอยเบาะแสต่างๆ ที่คาดว่าจะพบเพิ่ม จากการระดมกำลังร่วม 3 ฝ่าย ทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง ปูพรมค้นหาหลักฐานแวดล้อมต่างๆ เป็นวันที่ 2 ให้เพิ่มการขยายพื้นที่ไกลออกไปจากกำหนดการค้นหาในวันแรก เพราะต้องนำหลักฐานที่พบมาเป็นหลักฐานเสริมส่วนที่ได้มาจากการแจ้งข้อมูลข่าวสารของชาวบ้าน และจากหลักฐานการตรวจสอบด้วยเครื่องมือพิเศษ ล่าสุดมีรายงานว่าชุดสืบสวนพบเบาะแสความเชื่อมโยงของกลุ่มบุคคล ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดในครั้งนี้แล้วประมาณ 6-7 คน และคาดว่ายังคงกบดานอยู่ในพื้นที่
ส่วนชุดที่ 2 ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนฝ่ายตำรวจ ชุดการข่าวกรองทางทหาร ชุดนิติวิทยาศาสตร์ ชุดตรวจพิสูจน์หลักฐานและชุดกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีหน้าที่ดำเนินกรรมวิธีทางคดีรูปแบบเชิงรุก เพื่อให้คดีมีความคืบหน้ารวดเร็วขึ้น ด้วยการใช้กรรมวิธีจากผลการซักถามขยายผล 2 ผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมตัวได้ในวันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้มีการนำตัวไปตรวจค้นบ้านพักในพื้นที่เขตเทศบาลตะลุบัน อ.สายบุรี เบื้องต้นไม่พบหลักฐาน
อย่างไรก็ตาม หนึ่งในผู้ต้องสงสัยยืนยันจากฐานข้อมูล มีประวัติเคยถูกต้องสงสัยว่า มีส่วนเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อความไม่สงบระดับแกนนำสั่งการ และปฏิบัติการ ซึ่งอาจเป็นกุญแจสำคัญช่วยให้คดีมีความคืบหน้ารวดเร็วขึ้น โดยในรายงานนำเสนอผลการปฏิบัติ และคืบหน้าทางคดีต่อผู้บังคับบัญชานั้น ในที่ประชุมระบุคดีมีความคืบหน้าไปมาก คาดว่าจะเชิญตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบเพิ่มใน 2-3 วันนี้
รายงานข่าว ระบุว่า ที่ประชุมมีการสรุปผลการดำเนินการด้านคดี และมีการสั่งเร่งรัดหาเบาะแสนำไปสู่การระบุกลุ่ม เพื่อติดตามจับกุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุให้รวดเร็วยิ่งขึ้น จึงได้มีการปรับแผนการดำเนินการด้านต่างๆ ให้มีความเข้มข้น และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มากยิ่งขึ้น ด้วยการสนธิกำลังเป็นชุดปฏิบัติการพิเศษร่วม แบ่งการทำงานเป็น 2 ชุด
ทั้งนี้ ชุดที่ 1 มีหน้าที่รับผิดชอบติดตามหาร่องรอยเบาะแสต่างๆ ที่คาดว่าจะพบเพิ่ม จากการระดมกำลังร่วม 3 ฝ่าย ทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง ปูพรมค้นหาหลักฐานแวดล้อมต่างๆ เป็นวันที่ 2 ให้เพิ่มการขยายพื้นที่ไกลออกไปจากกำหนดการค้นหาในวันแรก เพราะต้องนำหลักฐานที่พบมาเป็นหลักฐานเสริมส่วนที่ได้มาจากการแจ้งข้อมูลข่าวสารของชาวบ้าน และจากหลักฐานการตรวจสอบด้วยเครื่องมือพิเศษ ล่าสุดมีรายงานว่าชุดสืบสวนพบเบาะแสความเชื่อมโยงของกลุ่มบุคคล ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดในครั้งนี้แล้วประมาณ 6-7 คน และคาดว่ายังคงกบดานอยู่ในพื้นที่
ส่วนชุดที่ 2 ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนฝ่ายตำรวจ ชุดการข่าวกรองทางทหาร ชุดนิติวิทยาศาสตร์ ชุดตรวจพิสูจน์หลักฐานและชุดกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีหน้าที่ดำเนินกรรมวิธีทางคดีรูปแบบเชิงรุก เพื่อให้คดีมีความคืบหน้ารวดเร็วขึ้น ด้วยการใช้กรรมวิธีจากผลการซักถามขยายผล 2 ผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมตัวได้ในวันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้มีการนำตัวไปตรวจค้นบ้านพักในพื้นที่เขตเทศบาลตะลุบัน อ.สายบุรี เบื้องต้นไม่พบหลักฐาน
อย่างไรก็ตาม หนึ่งในผู้ต้องสงสัยยืนยันจากฐานข้อมูล มีประวัติเคยถูกต้องสงสัยว่า มีส่วนเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อความไม่สงบระดับแกนนำสั่งการ และปฏิบัติการ ซึ่งอาจเป็นกุญแจสำคัญช่วยให้คดีมีความคืบหน้ารวดเร็วขึ้น โดยในรายงานนำเสนอผลการปฏิบัติ และคืบหน้าทางคดีต่อผู้บังคับบัญชานั้น ในที่ประชุมระบุคดีมีความคืบหน้าไปมาก คาดว่าจะเชิญตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบเพิ่มใน 2-3 วันนี้