นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ประเทศไทยวันนี้เผชิญกับความท้าทาย และความเปลี่ยนแปลงจากทั่วโลกอย่างมาก โดยเฉพาะการพัฒนาเทคโนโลยอย่างไม่หยุดยั้ง ที่ทำให้ไทยต้องพัฒนาตัวเองเพื่อให้ก้าวทัน ต้องเดินหน้าปรับโครงสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศให้สมดุลและแข็งแกร่ง ซึ่งปัจจุบันจึงมีโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ขึ้นมา ที่นับเป็นการตอบโจทย์ด้านการพัฒนาประเทศให้เปลี่ยนแปลง ด้วยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญต่อยอดอุตสาหกรรมที่มีอยู่เดิม เช่น ภาคการเกษตร ยานยนต์ ประกอบกับในขณะนี้มีนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่นับเป็นโรดแมปที่จะนำไปสู่มิติการพัฒนาประเทศไทยได้อย่างสมดุล
ขณะที่ในวันที่ 25 กันยายนนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมมีกำหนดการหารือร่วมกับวิปรัฐบาลเพื่อเตรียมนำร่าง พ.ร.บ.อีอีซี ที่ผ่านความเห็นชอบคณะรัฐมนตรีแล้ว เสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาในวันที่ 28 กันยายนนี้ด้วย พร้อมคาดว่า จะผ่านความเห็นชอบและมีผลบังคับใช้ได้ภายในปีนี้ ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนตัดสินใจเข้ามาลงทุนในพื้นที่อีอีซีมากขึ้น
นอกจากนี้ สิ่งสำคัญของการมุ่งสู่ประเทศไทย 4.0 เพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ คือ จำเป็นจะต้องพัฒนาบุคลากรไทยเพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยในช่วงวันหยุดสัปดาห์นี้กระทรวงอุตสาหกรรมยังมีแผนจะลงพื้นที่อีอีซีร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการเพื่อกำหนดแผนพัฒนาสายอาชีพอาชีวศึกษารองรับการลงทุนขนาดใหญ่ในพื้นที่อีอีซีด้วย
ขณะที่ในวันที่ 25 กันยายนนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมมีกำหนดการหารือร่วมกับวิปรัฐบาลเพื่อเตรียมนำร่าง พ.ร.บ.อีอีซี ที่ผ่านความเห็นชอบคณะรัฐมนตรีแล้ว เสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาในวันที่ 28 กันยายนนี้ด้วย พร้อมคาดว่า จะผ่านความเห็นชอบและมีผลบังคับใช้ได้ภายในปีนี้ ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนตัดสินใจเข้ามาลงทุนในพื้นที่อีอีซีมากขึ้น
นอกจากนี้ สิ่งสำคัญของการมุ่งสู่ประเทศไทย 4.0 เพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ คือ จำเป็นจะต้องพัฒนาบุคลากรไทยเพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยในช่วงวันหยุดสัปดาห์นี้กระทรวงอุตสาหกรรมยังมีแผนจะลงพื้นที่อีอีซีร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการเพื่อกำหนดแผนพัฒนาสายอาชีพอาชีวศึกษารองรับการลงทุนขนาดใหญ่ในพื้นที่อีอีซีด้วย