วันนี้ (18 ก.ย.) เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์เบิกตัวนายวิรพล สุขผล หรืออดีตเณรคำ จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาศาลอาญา รัชดาฯ เพื่อนัดตรวจพยานหลักฐาน คดีที่พนักงานอัยการฟ้องเป็นจำเลย ในความผิดฐานพรากผู้เยาว์ฯ และกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี กรณีอดีตเณรคำมีสัมพันธ์ทางเพศกับหญิงสาว 8 คน และเคยมีประวัติถูกสีกาแจ้งความดำเนินคดีข้อหาข่มขู่เอาชีวิตต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปรามในปี 2543 และเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2553 อดีตเณรคำถูกจับขณะอยู่กับสีกายามวิกาล ท้องที่ สภ.คำป่าหลาย จ.มุกดาหาร
อัยการฟ้องสรุปว่า เมื่อเดือนมกราคม 2543 ถึงกลางปี 2544 จำเลยได้พราก ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุไม่เกิน 15 ปี ไปจากผู้ปกครองโดยไม่มีเหตุอันสมควรและไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ปกครอง จากนั้นจำเลยนำตัว ด.ญ.เอ ไปข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ อันเป็นความผิดตามกฎหมาย ซึ่งพนักงานสอบสวนดีเอสไอได้ตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ แต่ระหว่างดำเนินคดี นายวิรพล ได้หลบหนีไปสหรัฐฯ ซึ่งโจทก์ได้ขอตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ที่สุดแล้วสหรัฐฯ มีคำสั่งให้ส่งตัวกลับประเทศไทย โดยผู้เสียหายดังกล่าวเคยยื่นฟ้องจำเลยเองต่อศาลจังหวัดศรีสะเกษ เป็นคดีหมายเลขดำที่ 1917/2556 ที่ศาลยกฟ้องเป็นคดีหมายเลขแดงที่ 2820/2557 ข้อหาข่มขืนกระทำชำเราและความผิดต่อเสรีภาพ ซึ่งศาลได้ไต่สวนมูลฟ้องแล้ว แต่ผู้เสียหายไม่มาเบิกความต่อศาล คงมีเพียงบุคคลที่อ้างเป็นคนรู้จักข้างบ้าน มาเบิกความเป็นพยานปากเดียวเท่านั้น ซึ่งไม่รู้เห็นการกระทำผิดของจำเลย ดังนั้น การฟ้องคดีดังกล่าวจึงมีพฤติการณ์บ่งชี้ว่าเป็นการดำเนินคดีในลักษณะสมยอม เป็นการกระทำโดยไม่สุจริต จึงไม่เป็นเหตุให้สิทธิการนำคดีอาญานั้นมาฟ้องต้องระงับไป โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยคดีนี้ โดยก่อนฟ้องคดีนี้ โจทก์เคยยื่นคำร้องขอสืบพยานไว้ล่วงหน้าแล้ว 2 ปาก ตั้งแต่ปี 2559
ศาลอ่านและอธิบายคำฟ้องแล้ว จำเลยให้การปฏิเสธ ขณะที่ทนายความแถลงขอนำพยานเข้าสืบ จำนวน 9 ปาก ศาลพิจารณาแล้วอนุญาต นัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก 8 มิถุนายน 2561 เวลา 09.30 น.
อัยการฟ้องสรุปว่า เมื่อเดือนมกราคม 2543 ถึงกลางปี 2544 จำเลยได้พราก ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุไม่เกิน 15 ปี ไปจากผู้ปกครองโดยไม่มีเหตุอันสมควรและไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ปกครอง จากนั้นจำเลยนำตัว ด.ญ.เอ ไปข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ อันเป็นความผิดตามกฎหมาย ซึ่งพนักงานสอบสวนดีเอสไอได้ตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ แต่ระหว่างดำเนินคดี นายวิรพล ได้หลบหนีไปสหรัฐฯ ซึ่งโจทก์ได้ขอตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ที่สุดแล้วสหรัฐฯ มีคำสั่งให้ส่งตัวกลับประเทศไทย โดยผู้เสียหายดังกล่าวเคยยื่นฟ้องจำเลยเองต่อศาลจังหวัดศรีสะเกษ เป็นคดีหมายเลขดำที่ 1917/2556 ที่ศาลยกฟ้องเป็นคดีหมายเลขแดงที่ 2820/2557 ข้อหาข่มขืนกระทำชำเราและความผิดต่อเสรีภาพ ซึ่งศาลได้ไต่สวนมูลฟ้องแล้ว แต่ผู้เสียหายไม่มาเบิกความต่อศาล คงมีเพียงบุคคลที่อ้างเป็นคนรู้จักข้างบ้าน มาเบิกความเป็นพยานปากเดียวเท่านั้น ซึ่งไม่รู้เห็นการกระทำผิดของจำเลย ดังนั้น การฟ้องคดีดังกล่าวจึงมีพฤติการณ์บ่งชี้ว่าเป็นการดำเนินคดีในลักษณะสมยอม เป็นการกระทำโดยไม่สุจริต จึงไม่เป็นเหตุให้สิทธิการนำคดีอาญานั้นมาฟ้องต้องระงับไป โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยคดีนี้ โดยก่อนฟ้องคดีนี้ โจทก์เคยยื่นคำร้องขอสืบพยานไว้ล่วงหน้าแล้ว 2 ปาก ตั้งแต่ปี 2559
ศาลอ่านและอธิบายคำฟ้องแล้ว จำเลยให้การปฏิเสธ ขณะที่ทนายความแถลงขอนำพยานเข้าสืบ จำนวน 9 ปาก ศาลพิจารณาแล้วอนุญาต นัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก 8 มิถุนายน 2561 เวลา 09.30 น.