บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง วันนี้ (24 ส.ค.) ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 295 ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เดินทางมาสักการะพระบรมศพอย่างเนืองแน่น ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
นายวิชัย อุทโธ อายุ 35 ปี พนักงานบริษัทเอกชนภายในนิคมอุตสาหกรรมบางปู จ.สมุทรปราการ เดินทางมาพร้อมกับเพื่อนสาว นางสาว อทิตา ธัญญเจริญ อายุ 35 ปี กล่าวว่า เดินทางมาถึงสนามหลวงตั้งแต่เช้ามืด เวลาประมาณ 04.00 น. ได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพประมาณ 09.00 น. ซึ่งขณะได้ขึ้นไปกราบพนะบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ พยายามทำใจให้ว่าง และสงบจิตใจให้นิ่งที่สุด
"ตอนเด็กๆ แม่เคยพาไปเฝ้าฯ รับเสด็จในหลวง มีคนมารอพระองค์ท่านเยอะมาก จำได้ว่าเป็นต่างจังหวัด แต่ตอนนั้นยังเล็กมากเลยไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน เพราะที่ผ่านมาพระองค์ท่านเสด็จฯ ไปยังสถานที่ต่างๆ มากมายเพื่อทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อคนไทย อย่างใน จ. สมุทรปราการ ก็มีโรงเรียนมัธยมวัดศรีจันทร์ประดิษฐ์ เป็นโรงเรียนที่พระองค์ทรงมีพระราชดำริให้สร้างขึ้น นอกจากนี้ พระองค์ท่านยังทรงเป็นแบบอย่างในด้านการใช้ชีวิต ใช้สิ่งของต่างๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด" นายวิชัยกล่าว
ด้านนายไพศาล สีผาย วัย 42 ปี เจ้าของธุรกิจส่วนตัว เดินทางมาจากบ้านพักย่นถนนพระราม 2 พร้อมด้วยภรรยา ลูกสาว และเพื่อนๆ ร่วมชั้นเรียนสมัยมัธยมต้น รวม 9 คน มารอต่อแถวกราบสักการะพระบรมศพตั้งแต่เวลา 06.00 น. และได้ขึ้นกราบพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ บนพระที่นั่งดุสิตฯ เวลา 08.00 น. กล่าวว่า ตั้งใจอยากจะมากราบพระบรมศพนานแล้ว แต่เพิ่งรวมตัวกับเพื่อนๆ ที่เดินทางมาจาก จ.ชลบุรี ได้พร้อมกันวันนี้
"ดีใจมากที่ได้มากราบพระองค์ท่าน นับเป็นครั้งแรกที่ได้ใกล้ชิดพระองค์ท่านมากที่สุด ตอนที่นั่งอยู่หน้าพระบรมโกศผมคิดถึงพระองค์ท่านมาก นึกถึงสิ่งต่างๆ ที่พระองค์ท่านทรงทำให้คนไทย และที่ผ่านมาผมได้นำแนวคำสอนของพระองค์ท่านสอนมาปรับใช้กับตัวเองโดยเฉพาะเรื่องความพอเพียง ไม่ใช่แต่เฉพาะเรื่องการใช้จ่ายเพียงอย่างเดียว แต่รวมไปถึงการทำงาน ให้มีความมั่นคง อยู่รอด และมีการพัฒนาต่อไปด้วย" นายไพศาลกล่าว
นายวิชัย อุทโธ อายุ 35 ปี พนักงานบริษัทเอกชนภายในนิคมอุตสาหกรรมบางปู จ.สมุทรปราการ เดินทางมาพร้อมกับเพื่อนสาว นางสาว อทิตา ธัญญเจริญ อายุ 35 ปี กล่าวว่า เดินทางมาถึงสนามหลวงตั้งแต่เช้ามืด เวลาประมาณ 04.00 น. ได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพประมาณ 09.00 น. ซึ่งขณะได้ขึ้นไปกราบพนะบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ พยายามทำใจให้ว่าง และสงบจิตใจให้นิ่งที่สุด
"ตอนเด็กๆ แม่เคยพาไปเฝ้าฯ รับเสด็จในหลวง มีคนมารอพระองค์ท่านเยอะมาก จำได้ว่าเป็นต่างจังหวัด แต่ตอนนั้นยังเล็กมากเลยไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน เพราะที่ผ่านมาพระองค์ท่านเสด็จฯ ไปยังสถานที่ต่างๆ มากมายเพื่อทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อคนไทย อย่างใน จ. สมุทรปราการ ก็มีโรงเรียนมัธยมวัดศรีจันทร์ประดิษฐ์ เป็นโรงเรียนที่พระองค์ทรงมีพระราชดำริให้สร้างขึ้น นอกจากนี้ พระองค์ท่านยังทรงเป็นแบบอย่างในด้านการใช้ชีวิต ใช้สิ่งของต่างๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด" นายวิชัยกล่าว
ด้านนายไพศาล สีผาย วัย 42 ปี เจ้าของธุรกิจส่วนตัว เดินทางมาจากบ้านพักย่นถนนพระราม 2 พร้อมด้วยภรรยา ลูกสาว และเพื่อนๆ ร่วมชั้นเรียนสมัยมัธยมต้น รวม 9 คน มารอต่อแถวกราบสักการะพระบรมศพตั้งแต่เวลา 06.00 น. และได้ขึ้นกราบพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ บนพระที่นั่งดุสิตฯ เวลา 08.00 น. กล่าวว่า ตั้งใจอยากจะมากราบพระบรมศพนานแล้ว แต่เพิ่งรวมตัวกับเพื่อนๆ ที่เดินทางมาจาก จ.ชลบุรี ได้พร้อมกันวันนี้
"ดีใจมากที่ได้มากราบพระองค์ท่าน นับเป็นครั้งแรกที่ได้ใกล้ชิดพระองค์ท่านมากที่สุด ตอนที่นั่งอยู่หน้าพระบรมโกศผมคิดถึงพระองค์ท่านมาก นึกถึงสิ่งต่างๆ ที่พระองค์ท่านทรงทำให้คนไทย และที่ผ่านมาผมได้นำแนวคำสอนของพระองค์ท่านสอนมาปรับใช้กับตัวเองโดยเฉพาะเรื่องความพอเพียง ไม่ใช่แต่เฉพาะเรื่องการใช้จ่ายเพียงอย่างเดียว แต่รวมไปถึงการทำงาน ให้มีความมั่นคง อยู่รอด และมีการพัฒนาต่อไปด้วย" นายไพศาลกล่าว