นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สำนักงานชลประทานที่ 11 เตรียมดำเนินการพร่องน้ำในคลองต่างๆ ในปริมณฑล ประกอบด้วย จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร เพื่อให้สามารถรองรับฝนที่อาจตกหนักและน้ำเหนือที่จะไหลลงมาแล้ว ด้วยการเดินเครื่องสูบน้ำ และเปิดประตูระบายน้ำผ่านทางคลองรังสิตประยูรศักดิ์ คลองเปรมประชากร คลองหกวาสายล่าง ใช้ระบบสูบน้ำสูบลงแม่น้ำเจ้าพระยา อีกส่วนหนึ่งผันไปทางตะวันออกผ่านแม่น้ำนครนายก ออกแม่น้ำบางปะกง ลงอ่าวไทย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะน้ำท่วมในพื้นที่และไม่ให้น้ำไหลเข้าสู่กรุงเทพฯ
ทั้งนี้ วานนี้ (19 ส.ค.) น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาก่อนที่จะเข้าสู่เขตกรุงเทพมหานคร ที่สถานีวัดน้ำบางไทร มีอัตราการไหลอยู่ที่ 1,266 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขณะที่ลำน้ำมีศักยภาพรับได้ถึง 3,000-3,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ในขณะที่ปริมาณน้ำในเขื่อนหลัก 4 เขื่อนลุ่มเจ้าพระยา ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ยังมีปริมาณน้ำเฉลี่ยร้อยละ 53 ของความจุอ่าง ยังสามารถรองรับน้ำได้อีกมาก
ทั้งนี้ วานนี้ (19 ส.ค.) น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาก่อนที่จะเข้าสู่เขตกรุงเทพมหานคร ที่สถานีวัดน้ำบางไทร มีอัตราการไหลอยู่ที่ 1,266 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขณะที่ลำน้ำมีศักยภาพรับได้ถึง 3,000-3,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ในขณะที่ปริมาณน้ำในเขื่อนหลัก 4 เขื่อนลุ่มเจ้าพระยา ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ยังมีปริมาณน้ำเฉลี่ยร้อยละ 53 ของความจุอ่าง ยังสามารถรองรับน้ำได้อีกมาก
