วันนี้ (16 ส.ค.) เวลา 09.00 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อม ให้นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ไปประชุมติดตามความคืบหน้าการแก้ไขสถานการณ์การเกิดอุทกภัยในจังหวัดอุดรธานี ณ องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านจันทร์ อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี เสร็จแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภคไปมอบแก่ครอบครัวราษฎรที่ประสบอุทกภัยในจังหวัดอุดรธานี ณ วัดบ้านหนองกา ตำบลบ้านจันทร์ อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี จำนวน 300 ครอบครัว โดยจังหวัดอุดรธานีได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อน“เซินกา” ตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม 2560 เป็นต้นมาได้รับความเสียหาย จำนวน 20 อำเภอ 130 ตำบล 1,044 หมู่บ้าน ราษฎรเสียชีวิต จำนวน 3 ราย ปัจจุบันกลับสู่ภาวะปรกติแล้ว 18 อำเภอ คงเหลือ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบ้านดุงและอำเภอสร้างคอม ที่ยังถูกน้ำท่วมขังเนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่ม
ในเวลาเดียวกันนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรี ไปประชุมติดตามความคืบหน้าการแก้ไขสถานการณ์การเกิดอุทกภัยในจังหวัดร้อยเอ็ด ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด จากนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรี เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภคไปมอบแก่ครอบครัวราษฎรที่ประสบอุทกภัยในจังหวัดร้อยเอ็ด ณ วัดบ้านคุ้งสะอาด ตำบลนางเลิง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน 300 ถุง ซึ่งจังหวัดร้อยเอ็ด ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อน“ตาลัส”และ“เซินกา” ตั้งแต่วันที่ 23-28 กรกฎาคม 2560 เป็นต้นมา ทำให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเรือนราษฎรพืชผลทางการเกษตรและสิ่งสาธารณประโยชน์ในจังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน 20 อำเภอ 183 ตำบล 2,093 หมู่บ้าน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 78,542 ไร่ ในอำเภอเสลภูมิได้รับความเสียหาย 9 ตำบล 104 หมู่บ้าน พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย 92,400 ไร่
ต่อมาเวลา 09.50 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี ไปประชุมติดตามความคืบหน้าการแก้ไขสถานการณ์การเกิดอุทกภัยในจังหวัดกาฬสินธุ์ ณ ห้องประชุมสำนักงานโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จากนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภคไปมอบแก่ครอบครัวราษฎรที่ประสบอุกทกภัยในจังหวัดกาฬสินธุ์ ณ วัดดอนยานาง ตำบลดอนสมบูรณ์ อำเภอยางตลาด จำนวน 300 ครอบครัว และหญ้าอาหารสัตว์พระราชทาน จำนวน 2 ตัน และที่ศูนย์อพยพประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำเขื่อนลำปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน 100 ครอบครัว ซึ่งจังหวัดกาฬสินธุ์ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อน“เซินกา” ตั้งแต่วันที่ 25-27 กรกฎาคม 2560 เป็นต้นมา ได้รับความเสียหาย 18 อำเภอ 126 ตำบล 1,276 หมู่บ้าน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและบรรเทาความเดือดร้อนในการดำรงชีพและให้ผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ไป ซึ่งราษฎรต่างปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
ในเวลาเดียวกันนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรี ไปประชุมติดตามความคืบหน้าการแก้ไขสถานการณ์การเกิดอุทกภัยในจังหวัดร้อยเอ็ด ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด จากนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรี เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภคไปมอบแก่ครอบครัวราษฎรที่ประสบอุทกภัยในจังหวัดร้อยเอ็ด ณ วัดบ้านคุ้งสะอาด ตำบลนางเลิง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน 300 ถุง ซึ่งจังหวัดร้อยเอ็ด ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อน“ตาลัส”และ“เซินกา” ตั้งแต่วันที่ 23-28 กรกฎาคม 2560 เป็นต้นมา ทำให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเรือนราษฎรพืชผลทางการเกษตรและสิ่งสาธารณประโยชน์ในจังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน 20 อำเภอ 183 ตำบล 2,093 หมู่บ้าน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 78,542 ไร่ ในอำเภอเสลภูมิได้รับความเสียหาย 9 ตำบล 104 หมู่บ้าน พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย 92,400 ไร่
ต่อมาเวลา 09.50 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี ไปประชุมติดตามความคืบหน้าการแก้ไขสถานการณ์การเกิดอุทกภัยในจังหวัดกาฬสินธุ์ ณ ห้องประชุมสำนักงานโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จากนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภคไปมอบแก่ครอบครัวราษฎรที่ประสบอุกทกภัยในจังหวัดกาฬสินธุ์ ณ วัดดอนยานาง ตำบลดอนสมบูรณ์ อำเภอยางตลาด จำนวน 300 ครอบครัว และหญ้าอาหารสัตว์พระราชทาน จำนวน 2 ตัน และที่ศูนย์อพยพประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำเขื่อนลำปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน 100 ครอบครัว ซึ่งจังหวัดกาฬสินธุ์ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อน“เซินกา” ตั้งแต่วันที่ 25-27 กรกฎาคม 2560 เป็นต้นมา ได้รับความเสียหาย 18 อำเภอ 126 ตำบล 1,276 หมู่บ้าน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและบรรเทาความเดือดร้อนในการดำรงชีพและให้ผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ไป ซึ่งราษฎรต่างปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้