กรมทางหลวงชนบท โดยสำนักบำรุงทาง เปิดเผยว่า มีสายทางที่ประสบอุทกภัย โดยแบ่งเป็น สถานะปัจจุบัน ทางหลวงชนบท ประสบอุทกภัย 15 จังหวัดได้รับผลกระทบ 60 สายทาง ผ่านได้ 51 สายทาง ผ่านไม่ได้ 9 สายทาง (นพ.4058, ขก.3020, ลบ.3004, 3033, มค.2020, สน.3007, 4030, รน.1006, มห.4018)
ส่วนข้อมูลสะสมตั้งแต่ วันที่ 6 – 28 กรกฎาคม 2560 ทช. ประสบอุทกภัย 19 จังหวัด (นครสวรรค์, ชัยนาท, ระนอง, สุพรรณบุรี, นครพนม, พิจิตร, สกลนคร, บึงกาฬ, อุบลราชธานี, พิษณุโลก, กาฬสินธุ์, สระแก้ว, มหาสารคาม, นครราชสีมา, ขอนแก่น, ลพบุรี, ศรีสะเกษ, แม่ฮ่องสอน และมุกดาหาร) ได้รับผลกระทบ 79 สายทาง ผ่านได้ 70 สายทาง ผ่านไม่ได้ 9 สายทาง เข้าสู่ภาวะปกติ 19 สายทาง
ทั้งนี้ กรมทางหลวงชนบทได้ดำเนินการติดตั้งป้ายเตือนประชาชนในการสัญจรด้วยความระมัดระวังแล้ว ตลอดจนให้ทุกหน่วยบริหารจัดการเส้นทาง โดยจัดหาทางเลี่ยงกรณีเส้นทางหลักไม่สามารถสัญจรผ่านได้ พร้อมทั้งบูรณาการกับหน่วยงานในพื้นที่ในการให้ความช่วยเหลือประชาชนทันทีเมื่อได้รับการร้องขอ กรณีถนน/สะพานขาด ให้ดำเนินการซ่อมแซมเบื้องต้นเพื่อให้ใช้เส้นทางสัญจรไปมาได้ชั่วคราว เช่น วางสะพานแบรี่ ถมดินคอสะพาน พร้อมทั้งรายงานข้อมูล สายทางที่ประสบภัยเหตุให้กับผู้บริหารจนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ
และหลังจากเข้าสู่ภาวะปกติ ให้ดำเนินการซ่อมแซมเบื้องต้น เพื่อให้ประชาชนสามารถสัญจรไปมาได้ภายใน 7 วัน และดำเนินการสำรวจ ออกแบบ ประมาณราคา พร้อมภาพถ่ายสภาพความเสียหายหลังน้ำลด เพื่อนำเสนอขอสนับสนุนงบประมาณแก้ไขปัญหาในระยะยาวต่อไป
ส่วนข้อมูลสะสมตั้งแต่ วันที่ 6 – 28 กรกฎาคม 2560 ทช. ประสบอุทกภัย 19 จังหวัด (นครสวรรค์, ชัยนาท, ระนอง, สุพรรณบุรี, นครพนม, พิจิตร, สกลนคร, บึงกาฬ, อุบลราชธานี, พิษณุโลก, กาฬสินธุ์, สระแก้ว, มหาสารคาม, นครราชสีมา, ขอนแก่น, ลพบุรี, ศรีสะเกษ, แม่ฮ่องสอน และมุกดาหาร) ได้รับผลกระทบ 79 สายทาง ผ่านได้ 70 สายทาง ผ่านไม่ได้ 9 สายทาง เข้าสู่ภาวะปกติ 19 สายทาง
ทั้งนี้ กรมทางหลวงชนบทได้ดำเนินการติดตั้งป้ายเตือนประชาชนในการสัญจรด้วยความระมัดระวังแล้ว ตลอดจนให้ทุกหน่วยบริหารจัดการเส้นทาง โดยจัดหาทางเลี่ยงกรณีเส้นทางหลักไม่สามารถสัญจรผ่านได้ พร้อมทั้งบูรณาการกับหน่วยงานในพื้นที่ในการให้ความช่วยเหลือประชาชนทันทีเมื่อได้รับการร้องขอ กรณีถนน/สะพานขาด ให้ดำเนินการซ่อมแซมเบื้องต้นเพื่อให้ใช้เส้นทางสัญจรไปมาได้ชั่วคราว เช่น วางสะพานแบรี่ ถมดินคอสะพาน พร้อมทั้งรายงานข้อมูล สายทางที่ประสบภัยเหตุให้กับผู้บริหารจนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ
และหลังจากเข้าสู่ภาวะปกติ ให้ดำเนินการซ่อมแซมเบื้องต้น เพื่อให้ประชาชนสามารถสัญจรไปมาได้ภายใน 7 วัน และดำเนินการสำรวจ ออกแบบ ประมาณราคา พร้อมภาพถ่ายสภาพความเสียหายหลังน้ำลด เพื่อนำเสนอขอสนับสนุนงบประมาณแก้ไขปัญหาในระยะยาวต่อไป