นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวเชิงอาหารในประเทศไทย เป็นการสร้างรายได้ด้านการท่องเที่ยวของประเทศ เนื่องจากอาหารไทยได้รับการยอมรับจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ซึ่งประเทศที่มีนักท่องเที่ยวนิยมท่องเที่ยวเชิงอาหารในประเทศไทย 5 อันดับแรก คือ จีน รัสเซีย สหราชอาณาจักร มาเลเซีย และสหรัฐอเมริกา จึงเห็นได้ว่าการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอาหารจะเป็นส่วนช่วยผลักดันเศรษฐกิจของประเทศได้
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้จัดรณรงค์เรื่องการท่องเที่ยวเชิงอาหาร โดยถนนข้าวสารถือเป็นพื้นที่เป้าหมายสำคัญบริเวณรอบเกาะรัตนโกสินทร์ เนื่องจากเป็นพื้นที่เชื่อมโยงการท่องเที่ยวภาคค่ำ และได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง การลงพื้นที่ถนนข้าวสารในครั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้ความสำคัญกับการรักษาคุณภาพมาตรฐาน ตลอดจนความสะอาดของพื้นที่ ซึ่งผู้ค้าจะต้องสวมหมวก สวมผ้ากันเปื้อน ภาชนะมีความสะอาด ทิ้ง ล้าง อย่างเหมาะสม เพื่อสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวในระยะยาว ซึ่งจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยด้านอาหาร รวมถึงเน้นย้ำความปลอดภัยทางด้านชีวิตและทรัพย์สินให้แก่นักท่องเที่ยว โดยมอบหมายให้ตำรวจท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว (TAC) ที่ประจำอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ทั้ง 15 จังหวัด 16 ศูนย์ เชื่อมั่นว่าจะเป็นการช่วยยกระดับและส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในระดับสากล
พื้นที่บริเวณถนนข้าวสารมีทั้งห้องอาหารและรถเข็น ประมาณ 170 แห่ง คาดว่าในปีนี้จะสามารถสร้างรายได้ประมาณ 750 ล้านบาท หรือเฉลี่ยเดือนละ 62 ล้านบาท
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จึงเล็งเห็นถึงการท่องเที่ยวภาคค่ำ ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวมาใช้เวลาในประเทศมากขึ้น มีการพำนักค้างคืนและอยู่ยาวขึ้น นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้วิถีถิ่นแบบไทย เป็นอีกหนึ่งทางที่จะสร้างรายได้ให้แก่ประเทศไทยมากขึ้น โดยมุ่งเน้นใน 5 กิจกรรมการท่องเที่ยวหลัก คือ เส้นทางตามรอยพระบาท (Royal Project) การท่องเที่ยวทางรถไฟ (Train Tourism) การจัดประชุมสัมมนา (MICE) สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ เชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างรายได้ และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว ส่งผลให้ตลาดท่องเที่ยวเชิงอาหารในประเทศ ซึ่งรัฐบาลและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะสร้างการท่องเที่ยวอย่างมีคุณภาพ ทั่วถึง สมดุล ยั่งยืน
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้จัดรณรงค์เรื่องการท่องเที่ยวเชิงอาหาร โดยถนนข้าวสารถือเป็นพื้นที่เป้าหมายสำคัญบริเวณรอบเกาะรัตนโกสินทร์ เนื่องจากเป็นพื้นที่เชื่อมโยงการท่องเที่ยวภาคค่ำ และได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง การลงพื้นที่ถนนข้าวสารในครั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้ความสำคัญกับการรักษาคุณภาพมาตรฐาน ตลอดจนความสะอาดของพื้นที่ ซึ่งผู้ค้าจะต้องสวมหมวก สวมผ้ากันเปื้อน ภาชนะมีความสะอาด ทิ้ง ล้าง อย่างเหมาะสม เพื่อสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวในระยะยาว ซึ่งจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยด้านอาหาร รวมถึงเน้นย้ำความปลอดภัยทางด้านชีวิตและทรัพย์สินให้แก่นักท่องเที่ยว โดยมอบหมายให้ตำรวจท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว (TAC) ที่ประจำอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ทั้ง 15 จังหวัด 16 ศูนย์ เชื่อมั่นว่าจะเป็นการช่วยยกระดับและส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในระดับสากล
พื้นที่บริเวณถนนข้าวสารมีทั้งห้องอาหารและรถเข็น ประมาณ 170 แห่ง คาดว่าในปีนี้จะสามารถสร้างรายได้ประมาณ 750 ล้านบาท หรือเฉลี่ยเดือนละ 62 ล้านบาท
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จึงเล็งเห็นถึงการท่องเที่ยวภาคค่ำ ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวมาใช้เวลาในประเทศมากขึ้น มีการพำนักค้างคืนและอยู่ยาวขึ้น นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้วิถีถิ่นแบบไทย เป็นอีกหนึ่งทางที่จะสร้างรายได้ให้แก่ประเทศไทยมากขึ้น โดยมุ่งเน้นใน 5 กิจกรรมการท่องเที่ยวหลัก คือ เส้นทางตามรอยพระบาท (Royal Project) การท่องเที่ยวทางรถไฟ (Train Tourism) การจัดประชุมสัมมนา (MICE) สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ เชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างรายได้ และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว ส่งผลให้ตลาดท่องเที่ยวเชิงอาหารในประเทศ ซึ่งรัฐบาลและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะสร้างการท่องเที่ยวอย่างมีคุณภาพ ทั่วถึง สมดุล ยั่งยืน
