นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การประชุมจัดทำแผนปฏิบัติการ ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประจำ ปี 2561 ในวันนี้ (11 ก.ค.) โดยมีคณะกรรมการ ผู้บริหาร ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. ในทุกภูมิภาคทั่วประเทศเข้าร่วมประชุม ตั้งแต่วันที่ 11 - 14 กรกฎาคมนี้ จะมีการนำผลดำเนินงานจากปีที่ผ่านมา มาวิเคราะห์ร่วมกับปัญหา อุปสรรค ผลสำเร็จ แนวโน้มตลาด สถานการณ์ทั้งในและต่างประเทศ เทคโนโลยีการสื่อสาร รวมทั้งเป้าหมาย เพื่อจัดทำแผนการปฏิบัติงานในปีถัดไป โดยผ่านการประชุมเชิงปฏิบัติการในแต่ละด้านอย่างเข้มข้น และรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวด้วย อีกทั้งการประชุมนี้เป็นการกระชับความร่วมมือกับพันธมิตรเดิมและแสวงหาพันธมิตรใหม่ด้วย เพื่อบูรณาการด้านการตลาดร่วมกัน โดยเน้นวางแผนการทำงานเชิงบูรณาการอย่างจริงจัง เพื่อลดความซ้ำซ้อนของการใช้ทรัพยากรทุกส่วน ทั้งคน งบประมาณ เวลา
ส่วนนโยบายการดำเนินงานของ ททท.ในปี 2561 นั้น นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า การท่องเที่ยวในปี 2561 มีความท้าทายมาก จึงอยากให้ทุกคนคิดเรื่องใหญ่ แต่ยังคงดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ และคำนึงถึงด้านความปลอดภัยและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม คือการคิดอะไรที่นอกเหนือจากภาระหน้าที่ แล้วใครที่ได้ประโยชน์จากโครงการบ้าง โดยนำนวัตกรรมตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาลเข้ามาร่วมขับเคลื่อน เห็นคุณค่าของคน ชุมชน และวิถีถิ่น ให้ความเคารพ เรียนรู้ซึ่งกันและกัน กระจายรายได้สู่ประชาชนฐานรากมากขึ้น และสร้างความแข็งแกร่งจากภายใน ซึ่งจะพึ่งพาตัวเองได้ อย่างยั่งยืนและปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลก รวมทั้งก้าวให้ทันเทคโนโลยีที่เข้ามาเป็นปัจจัยหนึ่งในการดำเนินชีวิต โดยทั้งหมดอยู่บนพื้นฐานของความพอดีพอเพียง ทำความเข้าใจ ลงมือปฏิบัติจริง ให้ความสำคัญกับกลุ่มเป้าหมาย และขับเคลื่อนนวัตกรรมอย่างสร้างสรร เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวที่ส่งผลเป็นประโยชน์แก่สังคมและเศรษฐกิจอย่างแท้จริง
สำหรับงบประมาณด้านการท่องเที่ยวยวในปี 2561 ททท.มีงบประมาณ 7,085 ล้านบาท คาดว่า จะมีภาพรวมการท่องเที่ยวจะเติบโตมากขึ้น หลังจากในช่วงปลายปี 2559-ต้นปี 2560 เกิดปัญหาต่างๆ เช่น ทัวร์จีน ทำให้นักท่องเที่ยวลดลง แต่ในครึ่งปีหลัง 2560 จะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปี 2561 มีรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น คาดว่า ประมาณ 3 ล้าน 1 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ส่วนแผนการดำเนินงานอีก 5 ปีข้างหน้า มองว่า รายได้จากการท่องเที่ยวต้องไม่ต่ำกว่า 4 ล้าน 4 แสนล้านบาท และจะต้องขยับลำดับการท่องเที่ยวไม่ให้ต่ำกว่าลำดับที่ 25 เพราะปัจจุบันประเทศไทยอยู่ลำดับที่ 34
ส่วนภาพรวมการท่องเที่ยวในปี 2560 ในช่วง 6 เดือนหลังจากนี้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา 18 ล้าน 2 แสนคน โดยมีนักท่องเที่ยวที่เข้ามามากที่สุดคือชาวจีนมากถึง 8 ล้าน 8 แสนคน จึงอยากให้ทุกคนร่วมกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวประเทศอื่นเกิดความสนใจในการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น และให้ความสำคัญกับประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวเชื่อมโยงอย่างเป็นรูปธรรม
ส่วนนโยบายการดำเนินงานของ ททท.ในปี 2561 นั้น นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า การท่องเที่ยวในปี 2561 มีความท้าทายมาก จึงอยากให้ทุกคนคิดเรื่องใหญ่ แต่ยังคงดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ และคำนึงถึงด้านความปลอดภัยและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม คือการคิดอะไรที่นอกเหนือจากภาระหน้าที่ แล้วใครที่ได้ประโยชน์จากโครงการบ้าง โดยนำนวัตกรรมตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาลเข้ามาร่วมขับเคลื่อน เห็นคุณค่าของคน ชุมชน และวิถีถิ่น ให้ความเคารพ เรียนรู้ซึ่งกันและกัน กระจายรายได้สู่ประชาชนฐานรากมากขึ้น และสร้างความแข็งแกร่งจากภายใน ซึ่งจะพึ่งพาตัวเองได้ อย่างยั่งยืนและปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลก รวมทั้งก้าวให้ทันเทคโนโลยีที่เข้ามาเป็นปัจจัยหนึ่งในการดำเนินชีวิต โดยทั้งหมดอยู่บนพื้นฐานของความพอดีพอเพียง ทำความเข้าใจ ลงมือปฏิบัติจริง ให้ความสำคัญกับกลุ่มเป้าหมาย และขับเคลื่อนนวัตกรรมอย่างสร้างสรร เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวที่ส่งผลเป็นประโยชน์แก่สังคมและเศรษฐกิจอย่างแท้จริง
สำหรับงบประมาณด้านการท่องเที่ยวยวในปี 2561 ททท.มีงบประมาณ 7,085 ล้านบาท คาดว่า จะมีภาพรวมการท่องเที่ยวจะเติบโตมากขึ้น หลังจากในช่วงปลายปี 2559-ต้นปี 2560 เกิดปัญหาต่างๆ เช่น ทัวร์จีน ทำให้นักท่องเที่ยวลดลง แต่ในครึ่งปีหลัง 2560 จะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปี 2561 มีรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น คาดว่า ประมาณ 3 ล้าน 1 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ส่วนแผนการดำเนินงานอีก 5 ปีข้างหน้า มองว่า รายได้จากการท่องเที่ยวต้องไม่ต่ำกว่า 4 ล้าน 4 แสนล้านบาท และจะต้องขยับลำดับการท่องเที่ยวไม่ให้ต่ำกว่าลำดับที่ 25 เพราะปัจจุบันประเทศไทยอยู่ลำดับที่ 34
ส่วนภาพรวมการท่องเที่ยวในปี 2560 ในช่วง 6 เดือนหลังจากนี้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา 18 ล้าน 2 แสนคน โดยมีนักท่องเที่ยวที่เข้ามามากที่สุดคือชาวจีนมากถึง 8 ล้าน 8 แสนคน จึงอยากให้ทุกคนร่วมกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวประเทศอื่นเกิดความสนใจในการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น และให้ความสำคัญกับประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวเชื่อมโยงอย่างเป็นรูปธรรม