พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับนายซีมอน โรเดด (H.E. Mr. simon Roded) เอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย ที่เข้าเยี่ยมคารวะ ในโอกาสพ้นจากหน้าที่ ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
ภายหลังการหารือ พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศ ที่ไทยและอิสราเอลนั้นมีมายาวนานกว่า 63 ปี และยังสามารถเพิ่มพูนความร่วมมือด้านต่างๆ ได้อีกมาก โดยนายกรัฐมนตรีได้ชื่นชมในความก้าวหน้าของอิสราเอล ทางด้านเทคโนโลยี ด้านการเกษตร ด้านการแพทย์ ด้านการสื่อสาร การบริหารจัดการน้ำ อัญมณี และความเชี่ยวชาญในเรื่องด้านความมั่นคงและการต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไทยประสงค์ได้รับการแลกเปลี่ยนความรู้ในด้านระหว่างกัน พร้อมขอบคุณที่รัฐบาลอิสราเอลได้ให้การดูแลแรงงานไทยอย่างดี
สำหรับความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย ยินดีที่ไทยได้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดทำเขตการค้าเสรีไทย-อิสราเอล ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2560 ทั้งยังหวังว่าอิสราเอลจะช่วยสนับสนุนให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น โดยขณะนี้รัฐบาลมีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดนและโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC)
ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย กล่าวว่า รู้สึกประทับใจในอัธยาศัยและรอยยิ้มของคนไทย และยินดีที่ไทยและอิสราเอลมีการพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือทางด้านต่างๆ พร้อมกันนี้ ยังแสดงความชื่นชมนโยบาย Thailand 4.0 ที่เน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม อิสราเอลสนใจที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในนโยบายนี้ของรัฐบาลไทย
ภายหลังการหารือ พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศ ที่ไทยและอิสราเอลนั้นมีมายาวนานกว่า 63 ปี และยังสามารถเพิ่มพูนความร่วมมือด้านต่างๆ ได้อีกมาก โดยนายกรัฐมนตรีได้ชื่นชมในความก้าวหน้าของอิสราเอล ทางด้านเทคโนโลยี ด้านการเกษตร ด้านการแพทย์ ด้านการสื่อสาร การบริหารจัดการน้ำ อัญมณี และความเชี่ยวชาญในเรื่องด้านความมั่นคงและการต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไทยประสงค์ได้รับการแลกเปลี่ยนความรู้ในด้านระหว่างกัน พร้อมขอบคุณที่รัฐบาลอิสราเอลได้ให้การดูแลแรงงานไทยอย่างดี
สำหรับความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย ยินดีที่ไทยได้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดทำเขตการค้าเสรีไทย-อิสราเอล ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2560 ทั้งยังหวังว่าอิสราเอลจะช่วยสนับสนุนให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น โดยขณะนี้รัฐบาลมีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดนและโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC)
ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย กล่าวว่า รู้สึกประทับใจในอัธยาศัยและรอยยิ้มของคนไทย และยินดีที่ไทยและอิสราเอลมีการพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือทางด้านต่างๆ พร้อมกันนี้ ยังแสดงความชื่นชมนโยบาย Thailand 4.0 ที่เน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม อิสราเอลสนใจที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในนโยบายนี้ของรัฐบาลไทย