นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับนายธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการเคหะแห่งชาติ (กคช.) เพื่อผลักดันการสร้างตลาดประชารัฐในพื้นที่กรุงเทพมหานครว่า เบื้องต้นเห็นชอบให้มีการจัดตั้ง "ตลาดเคหะประชารัฐ" โดยจะพัฒนาจัดระเบียบจากตลาดเดิมที่มีอยู่แล้วในชุมชนการเคหะฯ ให้มีความเข้มแข็ง และมีคุณภาพที่ดีขึ้น มีสินค้าที่หลากหลาย และมีอัตลักษณ์ของตนเอง ทำให้เป็นที่ดึงดูดความสนใจจากทั้งคนในและนอกชุมชน รวมถึงยังเป็นการสร้างอาชีพให้กับคนในชุมชนสามารถนำสินค้ามาจำหน่ายในตลาดได้
ทั้งนี้ ยังได้มีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมทั้งสองฝ่ายขึ้นมา โดยการเคหะฯ จะไปบริหารจัดการและจัดระเบียบจุดจำหน่ายสินค้า ศึกษาความเหมาะสมของพื้นที่และความต้องการของคนในชุมชน ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จะส่งเสริมสินค้าจากผู้ผลิตตามโครงการธงฟ้าประชารัฐ เข้าไปจำหน่ายในราคาถูกกว่าท้องตลาดด้วย อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นจะนำร่องโครงการ 1 พื้นที่ของการเคหะแห่งชาติ จาก 4 พื้นที่เป้าหมายใน 300 แห่งของกรุงเทพมหานคร อาทิ ดินแดง ห้วยขวาง บ่อนไก่ และคลองจั่น โดยคาดว่าจะเริ่มโครงการแรกได้ภายในเดือนกันยายนนี้
ด้านนายธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันโครงการที่อยู่อาศัยในความดูแลของการเคหะแห่งชาติ มีอยู่ 680 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งมีตลาดชุมชนอยู่ครบทุกแห่ง โดยจะเริ่มโครงการตลาดเคหะประชารัฐในพื้นที่กรุงเทพมหานครก่อน และหากสามารถพัฒนารูปแบบให้มีความเหมาะสมจะขยายไปตามพื้นที่หัวเมืองต่างๆ อาทิ เชียงใหม่ อุดรธานี และหาดใหญ่
ทั้งนี้ ยังได้มีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมทั้งสองฝ่ายขึ้นมา โดยการเคหะฯ จะไปบริหารจัดการและจัดระเบียบจุดจำหน่ายสินค้า ศึกษาความเหมาะสมของพื้นที่และความต้องการของคนในชุมชน ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จะส่งเสริมสินค้าจากผู้ผลิตตามโครงการธงฟ้าประชารัฐ เข้าไปจำหน่ายในราคาถูกกว่าท้องตลาดด้วย อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นจะนำร่องโครงการ 1 พื้นที่ของการเคหะแห่งชาติ จาก 4 พื้นที่เป้าหมายใน 300 แห่งของกรุงเทพมหานคร อาทิ ดินแดง ห้วยขวาง บ่อนไก่ และคลองจั่น โดยคาดว่าจะเริ่มโครงการแรกได้ภายในเดือนกันยายนนี้
ด้านนายธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันโครงการที่อยู่อาศัยในความดูแลของการเคหะแห่งชาติ มีอยู่ 680 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งมีตลาดชุมชนอยู่ครบทุกแห่ง โดยจะเริ่มโครงการตลาดเคหะประชารัฐในพื้นที่กรุงเทพมหานครก่อน และหากสามารถพัฒนารูปแบบให้มีความเหมาะสมจะขยายไปตามพื้นที่หัวเมืองต่างๆ อาทิ เชียงใหม่ อุดรธานี และหาดใหญ่