นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีสมาชิกสภานิติบัญญัตติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติเซ็ตซีโร่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และมีกระแสว่าอาจจะเซ็ตซีโร่องค์กรอิสระอื่นด้วย ว่า รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ให้อำนาจองค์กรอิสระมาก ทั้งหน้าที่รักษากฎหมายให้เป็นไปตามกติกา และยังอยู่ในฐานะผู้ตรวจสอบอีกด้วย ดังนั้น การจะเซ็ตซีโร่องค์กรอิสระใดอีกหรือไม่ต้องพิจารณาตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 เป็นหลัก ซึ่ง สนช. ในฐานะผู้ที่มีอำนาจออกกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ควรคำนึงถึงความชอบธรรม รวมถึงหลักนิติรัฐนิติธรรม และที่สำคัญต้องพิจารณาให้ดีเกี่ยวกับกระบวนการสรรหาผู้ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ในองค์กรอิสระด้วย
ทั้งนี้ ไม่ว่า สนช.ซึ่งเป็นผู้เขียนกฎหมาย จะเซ็ตซีโร่องค์กรอิสระอื่นหรือไม่ ต้องตอบสังคมถึงเหตุผลที่รับฟังได้อย่างตรงไปตรงมา ถ้าตอบสังคมแบบข้าง ๆ คู ๆ ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ สังคมจะรู้สึกว่าการได้มาซึ่งองค์กรอิสระไม่เป็นธรรม อันจะทำให้สังคมเกิดความไม่ไว้วางใจองค์กรอิสระตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งจะทำให้องค์กรอิสระทำงานด้วยความยากลำบากมากขึ้น ส่วนเรื่องการสรรหากรรมการในองค์กรอิสระ รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้แล้ว ต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ แต่ต้องระมัดระวังเรื่องกระบวนการสรรหาที่ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่ให้มีการแทรกแซงจากผู้มีอำนาจเพื่อสร้างความชอบธรรมให้เกิดกับองค์กรอิสระในที่สุด
ทั้งนี้ ไม่ว่า สนช.ซึ่งเป็นผู้เขียนกฎหมาย จะเซ็ตซีโร่องค์กรอิสระอื่นหรือไม่ ต้องตอบสังคมถึงเหตุผลที่รับฟังได้อย่างตรงไปตรงมา ถ้าตอบสังคมแบบข้าง ๆ คู ๆ ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ สังคมจะรู้สึกว่าการได้มาซึ่งองค์กรอิสระไม่เป็นธรรม อันจะทำให้สังคมเกิดความไม่ไว้วางใจองค์กรอิสระตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งจะทำให้องค์กรอิสระทำงานด้วยความยากลำบากมากขึ้น ส่วนเรื่องการสรรหากรรมการในองค์กรอิสระ รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้แล้ว ต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ แต่ต้องระมัดระวังเรื่องกระบวนการสรรหาที่ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่ให้มีการแทรกแซงจากผู้มีอำนาจเพื่อสร้างความชอบธรรมให้เกิดกับองค์กรอิสระในที่สุด