พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กำชับไปยังเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกหน่วยให้ยึดถือความซื่อสัตย์สุจริต เป็นบรรทัดฐานในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งความพยายามของรัฐบาลทั้งการป้องกันและปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจังในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้อันดับความโปร่งใสของไทยจากการประเมินขององค์กรต่าง ๆ ดีขึ้น รวมถึงผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขัน (ไอเอ็มดี) ที่เพิ่งประกาศไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งคะแนนการประเมินของแต่ละองค์กรมาจากสิ่งที่รัฐบาลได้ดำเนินการและมุมมองของคนทั่วไป โดยเฉพาะนักธุรกิจที่ต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งมีหลายเรื่องที่ประสบความสำเร็จ เช่น การออกกฎหมายจัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริต การลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทุจริตอย่างเด็ดขาด การป้องกันไม่ให้มีการให้หรือรับสินบน การลงนามสัญญาคุณธรรมในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ เป็นต้น
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่าทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกันเป็นหูเป็นตา ไม่ปล่อยให้เรื่องการทุจริตคอร์รัปชันเป็นเรื่องธรรมดาในสังคม โดยยกตัวอย่างกรณีของผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ และข้าราชการในจังหวัดที่ไม่เพิกเฉยต่อข้อร้องเรียนการทุจริตเรียกเงินช่วยเหลือการสอบวินัยของผู้บริหารท้องถิ่น
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวด้วยว่า สังคมมีความคาดหวังอย่างมากว่า ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐจะเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง ดังนั้น จึงอยากให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติงานเพื่อบ้านเมืองและประชาชนไม่ใช่เพื่อพวกพ้องหรือผู้มีอำนาจ และจะต้องแก้ปัญหาของประเทศที่ต้นเหตุ ด้วยข้อเท็จจริง อย่างมีคุณธรรม และนายกฯ ยังอยากเห็นคนไทยปรับความคิดใหม่ว่า การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างเริ่มที่ตัวเอง ไม่นิ่งเฉยต่อสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เมื่อประชาชนเข้มแข็ง ชุมชนแข็งแรง ประเทศชาติก็จะดีขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องรอความหวังจากนักการเมืองหรือผู้มีอำนาจแต่เพียงฝ่ายเดียว
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่าทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกันเป็นหูเป็นตา ไม่ปล่อยให้เรื่องการทุจริตคอร์รัปชันเป็นเรื่องธรรมดาในสังคม โดยยกตัวอย่างกรณีของผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ และข้าราชการในจังหวัดที่ไม่เพิกเฉยต่อข้อร้องเรียนการทุจริตเรียกเงินช่วยเหลือการสอบวินัยของผู้บริหารท้องถิ่น
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวด้วยว่า สังคมมีความคาดหวังอย่างมากว่า ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐจะเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง ดังนั้น จึงอยากให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติงานเพื่อบ้านเมืองและประชาชนไม่ใช่เพื่อพวกพ้องหรือผู้มีอำนาจ และจะต้องแก้ปัญหาของประเทศที่ต้นเหตุ ด้วยข้อเท็จจริง อย่างมีคุณธรรม และนายกฯ ยังอยากเห็นคนไทยปรับความคิดใหม่ว่า การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างเริ่มที่ตัวเอง ไม่นิ่งเฉยต่อสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เมื่อประชาชนเข้มแข็ง ชุมชนแข็งแรง ประเทศชาติก็จะดีขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องรอความหวังจากนักการเมืองหรือผู้มีอำนาจแต่เพียงฝ่ายเดียว