วันนี้ (28 พ.ค.) นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยนายสาโรจน์ สามารถ ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจการปรับปรุงบ่อสูบน้ำท่าพระจันทร์ บ่อสูบน้ำท่าช้าง และบ่อพักข้างกรมรักษาดินแดง โดยมีคณะผู้บริหารสำนักการระบายน้ำ สำนักงานเขตพระนคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมลงพื้นที่
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า จากฝนตกหนักในพื้นที่กรุง เทพมหานคร เมื่อวันที่ 25-27 พฤษภาคมที่ผ่านมา บริเวณพื้นที่โดยรอบท้องสนามหลวงและรอบเกาะรัตนโกสินทร์ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำเร่งระบาย กรุงเทพมหานครสามารถควบคุมและลดระดับน้ำในพื้นที่ได้จึงไม่เกิดปัญหาน้ำเร่งระบาย ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีสถานีสูบน้ำที่สำคัญอยู่ ประกอบด้วย สถานีสูบน้ำพระปิ่นเกล้า บ่อสูบน้ำท่าพระจันทร์ และบ่อสูบน้ำท่าช้าง ซึ่งบ่อสูบทั้ง 2 แห่ง สามารถสูบน้ำได้แห่งละประมาณ 2 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และยังติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติม เพื่อส่งน้ำให้ไปถึงบ่อสูบน้ำกับสถานีสูบน้ำได้เร็วขึ้น โดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำไปแล้ว 12 เครื่อง เพื่อดึงน้ำไปลงสถานีสูบน้ำพระปิ่นเกล้า และบ่อสูบน้ำทั้ง 2 แห่ง ตลอดจนบ่อสูบน้ำซอยท่าข้าม บริเวณโรงเรียนราชินี มั่นใจว่าจะสามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำเร่งระบายในพื้นที่นี้ได้เป็นอย่างดี
ส่วนการเตรียมพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำเร่งระบายนั้น ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมทั้งเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ สถานีสูบน้ำ ระบบท่อระบายน้ำ ขณะเดียวกัน ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมพร้อมป้องกันและเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับระยะเวลาในการดำเนินการเร่งระบายน้ำนั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณฝนที่ตกลงมา แต่ในกรณีที่ฝนตกลงมาเกินกว่า 60 มม. ต้องใช้ระยะเวลาในการระบายน้ำพอสมควร ซึ่งจะพยายามเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า จากฝนตกหนักในพื้นที่กรุง เทพมหานคร เมื่อวันที่ 25-27 พฤษภาคมที่ผ่านมา บริเวณพื้นที่โดยรอบท้องสนามหลวงและรอบเกาะรัตนโกสินทร์ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำเร่งระบาย กรุงเทพมหานครสามารถควบคุมและลดระดับน้ำในพื้นที่ได้จึงไม่เกิดปัญหาน้ำเร่งระบาย ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีสถานีสูบน้ำที่สำคัญอยู่ ประกอบด้วย สถานีสูบน้ำพระปิ่นเกล้า บ่อสูบน้ำท่าพระจันทร์ และบ่อสูบน้ำท่าช้าง ซึ่งบ่อสูบทั้ง 2 แห่ง สามารถสูบน้ำได้แห่งละประมาณ 2 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และยังติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติม เพื่อส่งน้ำให้ไปถึงบ่อสูบน้ำกับสถานีสูบน้ำได้เร็วขึ้น โดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำไปแล้ว 12 เครื่อง เพื่อดึงน้ำไปลงสถานีสูบน้ำพระปิ่นเกล้า และบ่อสูบน้ำทั้ง 2 แห่ง ตลอดจนบ่อสูบน้ำซอยท่าข้าม บริเวณโรงเรียนราชินี มั่นใจว่าจะสามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำเร่งระบายในพื้นที่นี้ได้เป็นอย่างดี
ส่วนการเตรียมพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำเร่งระบายนั้น ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมทั้งเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ สถานีสูบน้ำ ระบบท่อระบายน้ำ ขณะเดียวกัน ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมพร้อมป้องกันและเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับระยะเวลาในการดำเนินการเร่งระบายน้ำนั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณฝนที่ตกลงมา แต่ในกรณีที่ฝนตกลงมาเกินกว่า 60 มม. ต้องใช้ระยะเวลาในการระบายน้ำพอสมควร ซึ่งจะพยายามเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน