xs
xsm
sm
md
lg

โพลเผย ปชช.เห็นด้วยย้าย สตช.สังกัด ยธ.-หนุนขึ้นเงินเดือน ลดการรีดไถ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้าโพล เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนจากทั่วประเทศ จำนวน 1,250 คน เรื่อง "การปฏิรูปองค์กรตำรวจในยุค คสช."

โดยจากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการประสบความสำเร็จในการปฏิรูปองค์กรตำรวจในยุค คสช. พบว่า ประชาชนร้อยละ 10.64 ระบุว่า ยุค คสช. ประสบความสำเร็จสูง ร้อยละ 31.76 ระบุ ค่อนข้างประสบความสำเร็จ ร้อยละ 29.36ระบุ ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ ร้อยละ 20.16 ระบุ ไม่ประสบความสำเร็จเลย และร้อยละ 0.32 ระบุ อื่น ๆ ได้แก่ ประสบความสำเร็จในบางเรื่อง บางเรื่องก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ต้องดูเป็นเรื่อง ๆ ไป และร้อยละ 7.76 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ

อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับผลสำรวจเมื่อปี 2559 พบว่า สัดส่วนของผู้ที่ระบุว่าการปฏิรูปองค์กรตำรวจในยุค คสช. ค่อนข้างประสบความสำเร็จ – ประสบความสำเร็จสูงนั้น มีสัดส่วนลดลง ขณะที่ผู้ที่ระบุว่า ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ กลับมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น

ด้านความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการย้ายสถานะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปสังกัดกระทรวงยุติธรรม พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 51.92 ระบุว่า เห็นด้วย เพราะ กระทรวงยุติธรรมน่าจะมีความเป็นธรรม เป็นกลาง และมีความโปร่งใสในการทำงานมากที่สุด ระบบการบริหารจัดทำได้ง่าย ไม่ซับซ้อน เป็นการสั่งงานโดยตรงจากกระทรวง สามารถตรวจสอบการทำงานได้ การทำงานร่วมกันกับระบบงานยุติธรรม เช่น การตัดสินคดีความต่าง ๆ ทำได้รวดเร็วขึ้น อีกทั้งยังเป็นการลดทอนอำนาจและลดการทุจริตให้น้อยลง

ขณะที่ร้อยละ 27.92 ไม่เห็นด้วย เพราะขาดความเป็นอิสระในการบริหารงาน เป็นการเพิ่มความยุ่งยาก ซ้ำซ้อน และไม่สะดวกต่อการปฏิบัติหน้าที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกระทรวงยุติธรรมต่างมีหน้าที่ของตนเองอยู่แล้ว ควรแยกทำงานกันเพื่อให้เป็นระบบ ทั้งนี้ เป็นการปรับโครงสร้างเพียงอย่างเดียว ซึ่งกว่าจะลงตัวต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน และอาจถูกแทรกแซงทางการเมืองจากนักการเมือง ควรใช้รูปแบบการบริหารราชการเช่นเดิม ร้อยละ 10.96 ระบุว่า เฉย ๆ จะอย่างไรก็ได้ เพราะไม่ว่าจะอยู่สังกัดใด การทำงานก็ยังคงเหมือนเดิม ขึ้นอยู่กับกระบวนการพิจารณา และร้อยละ 9.20 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ

ส่วนความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ของการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยต้องผ่านงานสอบสวนอย่างน้อย 2 ปี และร่วมรับผิดชอบสำนวนสอบสวนไม่น้อยกว่า 70 คดี พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 71.84 ระบุว่า เห็นด้วย เพราะเป็นการคัดกรองบุคคล เพื่อให้ได้ผู้ที่มีประสบการณ์ สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทุกวันนี้ การได้ตำแหน่งหรือการเลื่อนขั้นเป็นไปโดยรวดเร็วและง่ายมาก เป็นการป้องกันการใช้ระบบเส้นสายในการเข้ารับตำแหน่งด้วย ขณะที่ร้อยละ 14.24 ไม่เห็นด้วย เพราะเป็นการจำกัดสิทธิเกินไป เพราะในแต่ละพื้นที่มีคดีมากน้อยแตกต่างกัน ควรดูที่ผลงานและความสามารถทักษะส่วนบุคคล ซึ่งแบบเดิมจะได้เลื่อนขั้น ตามขั้นตอนและเร็วกว่า ขณะที่บางส่วนระบุว่า เกณฑ์ดังกล่าวน้อยเกินไป ควรกำหนดเกณฑ์ความเชี่ยวชาญ และความรับผิดชอบมากขึ้น เช่น อย่างน้อยควรมีผลงานสอบสวน 4 ปีขึ้นไป ร่วมกับการใช้อายุงานเป็นเกณฑ์ ร้อยละ 6.24 ระบุว่า เฉย ๆ จะอย่างไรก็ได้ เพราะ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้บังคับบัญชาและตัวบุคคลมากกว่า และร้อยละ 7.68 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ

ขณะที่ความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการปรับปรุงเงินเดือนตำรวจให้เพียงพอต่อการดำรงชีพ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 66.32 เห็นด้วยเพราะอาชีพตำรวจเป็นอาชีพที่เสียสละ และมีความเสี่ยงในการทำงานสูง เป็นการเสริมสร้างขวัญและกำลังใจในการทำงาน โดยเฉพาะเงินเดือนชั้นประทวนยังน้อยเกินไป ไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพในปัจจุบัน นอกจากนี้ อาจจะมีส่วนช่วยลดการรีดไถจากประชาชน หรือประพฤติมิชอบให้น้อยลง ขณะที่ร้อยละ 25.28 ไม่เห็นด้วย เพราะอาชีพตำรวจมีสวัสดิการที่ดีอยู่แล้ว และยังได้รับรายได้หรือเบี้ยเลี้ยงอื่น ๆ นอกเหนือจากเงินเดือน ทุกวันนี้ตำรวจบางรายก็ทำงานไม่มีคุณภาพ และถึงแม้ว่ามีการปรับขึ้นเงินเดือน การรีดไถหรือตำรวจนอกรีตก็ยังไม่หมดไป ควรเอางบไปพัฒนาด้านอื่นดีกว่า ร้อยละ 5.92 ระบุว่า เฉย ๆ จะอย่างไรก็ได้ เพราะควรดูตามผลงาน ความสมเหตุสมผล และระดับชั้นของตำรวจ โดยเฉพาะตำรวจชั้นผู้น้อยที่ควรปรับเงินเดือน แต่หากถ้าเป็นระดับชั้นผู้ใหญ่ ก็ไม่ควรปรับขึ้นเงินเดือน และร้อยละ 2.48 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ

สำหรับความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการให้ตำรวจไปอยู่กับผู้ว่าราชการจังหวัด (ส่วนภูมิภาค) พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 39.76 ไม่เห็นด้วย เพราะเป็นการทับซ้อนงาน ขาดอิสรภาพ การทำงานลำบากมากขึ้น ง่ายต่อการทุจริต อาจมีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ มีการเมืองเข้ามาแทรกแซงได้ และบางคดีอาจเสียรูปคดีความ ควรแยกกันบริหารงาน ขณะที่ร้อยละ 38.96 เห็นด้วย เพราะ บริบทของพื้นที่มีความแตกต่างกัน จะได้มีความเข้าใจในแต่ละพื้นที่ ใกล้ชิดกับประชาชน สามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้น ลดขั้นตอนของผู้บังคับบัญชา ตรวจสอบการทำงานได้ง่าย ดีกว่าให้ตำรวจปกครองกันเอง ร้อยละ 8.96 ระบุว่า เฉย ๆ จะอย่างไรก็ได้ เพราะ ไม่น่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเสียงส่วนใหญ่ และเหตุผลสนับสนุน และร้อยละ 12.32 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ

ท้ายที่สุด เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการให้ตำรวจไปอยู่กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 46.08 ไม่เห็นด้วย เพราะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่มีความเหมาะสม ขาดความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพการทำงานและความโปร่งใส ตรวจสอบการทำงานได้ยากขึ้น ไม่ต้องขึ้นตรงกับองค์กรใดแบบเดิมดีอยู่แล้ว หรือหากจำเป็น ก็ควรขึ้นตรงกับหน่วยงานที่เป็นกลางมากกว่า ขณะที่ร้อยละ 37.20 เห็นด้วย เพราะจะได้ร่วมมือกันทำงานกับหลาย ๆ ฝ่าย ทำให้รับทราบปัญหาที่แท้จริงในชุมชนการทำงานทั่วถึงและครอบคลุมในพื้นที่ และเป็นการอำนวยความสะดวกเจ้าหน้าที่ไปในตัว ร้อยละ 6.08 ระบุว่า เฉย ๆ จะอย่างไรก็ได้ เพราะอยู่ที่ตัวบุคคล และระบบการทำงาน และร้อยละ 10.64 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ
กำลังโหลดความคิดเห็น