บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง วันนี้ (26 พ.ค.) ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 204 ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ท่ามกลางบรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนตลอดทั้งวัน
น.ส.หทัยภัทร โรจนกิจ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงลขา กล่าวว่า ตนพร้อมเพื่อนนักศึกษาคณะเดียวกัน คือ น.ส.อุมาพร สังขวณิช นายคมศร จันทร์เลื่อน และญาติๆ รวม 7 คน ตั้งใจเหมาเช่ารถตู้เดินทางมาจาก จ.สงขลา เพื่อเข้ากราบสักการะพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยออกเดินทางมาตั้งแต่บ่าย 2 โมง ของวันที่ 25 พฤษภาคม และมาเข้าคิวต่อแถวที่ท้องสนามหลวง ช่วงตี 4 ครึ่ง เข้ากราบเสร็จในเวลา 06.30 น. รู้สึกดีใจและปลาบปลื้มใจมากที่ได้มีโอกาสมาในครั้งนี้ถือเป็นบุญต่อตนเองและครอบครัว
"ตอนที่หนูเรียนอยู่ชั้น ป.2 และพี่สาวอยู่ชั้น ป.4 หนูเคยเขียนเรียงความถึงในหลวง ร.9 และได้รับทุนการศึกษาพระราชทานจากพระองค์ท่านด้วย ซึ่งตอนนั้นหนูก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหรเพราะยังเด็ก แต่พอโตขึ้น โดยเฉพาะวันที่พระองค์ท่านสวรรคตคิดถึงพระองค์ท่านมาก จึงตั้งใจไว้เลยว่าจะต้องมากราบพระองค์ท่านให้ได้ และก็ตั้งใจว่าจะเป็นคนดีของสังคม และเดินตามรอยที่พ่อสอนไว้ไห้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะความซื่อสัตย์และความมีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์และสัตว์ ซึ่งเมื่อวันที่ 10 เมษายน 60 หนูและอุมาพร รวมทั้งเพื่อนในกลุ่ม เพิ่งได้รับรางวัลรองชนะเลิศระดับจังหวัด ด้วยคลิปวิดีโอ "สื่อสร้างสรรค์และปลอดภัยตามรอยพ่อ" ซึ่งจัดโดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสงขลา พวกเราได้ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับความซื่อสัตย์และความมีเมตรตาต่อสัตว์ เช่น การช่วยเหลือสุนัขจรจัด โดยมีพระองค์ท่านเป็นแบบอย่างทั้งการดำเนินชีวิตและการเรียน" น.ส.หทัยภัทร เล่าทั้งน้ำตาแห่งความปลื้มปีติ
ขณะที่ น.ส.อุมาพร สังขวณิช นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงลขา กล่าวเสริมว่า พวกเราเดินทางมากันเป็นครั้งแรก อยากเดินทางมาตั้งแต่พระองค์ท่านเสด็จสวรรคตช่วงแรกๆแล้ว แต่เนื่องจากยังติดเรียน ช่วงนี้ปิดเทอมจึงได้นัดหมายกันเดินทางมา พวกเราเห็นพระองค์ท่านมาตั้งแต่เราย้งเด็ก ท่านทรงพระราชทางโครงการในพระราชดำริต่างๆ ช่วยเหลือประชาชน ทั้งโครงการแก้มลิง และโครงการชัยพัฒนา เพื่อแก้ปัญหาเรื่องน้ำ และที่คนไทยรู้จักันดีและนำมาใช้คือหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พระองค์ท่านปลูกฝังให้คนไทย รวมถึงตนเองด้วยได้รู้จักใช้จ่ายอย่างประหยัด
"ที่ จ.สงขลา ก็มีโครงการในพระราชดำริมาช่วยประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นหลายโครงการ ที่จำได้ก็มีศูนย์เพาะเลี้ยงสัตว์ทะเล เป็นศูนย์เรียนรู้และอนุรักษ์ปูทะเลเพื่อไม่ให้สูญพันธุ์ และมีศูนย์การทำปะการังเทียม เพื่อให้สัตว์น้ำได้อยู่อาศัย และยังช่วยป้องกันการกัดเซาะชอบชายฟังทะเลด้วย วันนี้รู้สึกตื้นตันและดีใจมากที่ได้เห็นพระองค์ได้มาอยู่ในบรรยากาศ ในชีวิตทุกคนได้เห็นท่านแตกต่างกันไป สำหรับหนูได้มากราบท่านวันนี้ซึ่งเป็นครั้งแรกในชีวิตก็ตื้นตันใจแล้ว วันนี้หนูและเพื่อนๆ มาส่งเสด็จขอให้พระองค์เสด็จสู่สรวงสวรรค์ชั้นสูงสุด พระองค์ท่านเหนื่อยมากแล้ว" น.ส.อุมาพร กล่าวด้วยน้ำตาซึม
นางสาวจันทิมา ชัยสิทธิ์ อายุ 52 ปี ชาวอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มาพร้อมเพื่อน เข้ากราบพระบรมศพเป็นครั้งแรก กล่าวด้วยสีหน้าปลาบปลื้มใจว่า ตนและเพื่อนชาวหาดใหญ่รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในหลวง ร.9 เป็นล้นพ้น เพราะพระองค์ทำให้ อ.หาดใหญ่ เจริญอย่างทุกวันนี้ จากในปี 2530 ที่เกิดเหตุการณ์มหาอุทกภัยทั้งเมืองหาดใหญ่ บ้าน 2 ชั้นก็ยังจมน้ำ ทำให้เศรษฐกิจในพื้นที่ทรุด ความเป็นอยู่ของชาวบ้านยากลำบาก จากนั้น พระองค์เสด็จฯ มาทรงแก้ปัญหา ทรงแนะนำให้แก้ตรงนั้นทำตรงนี้ ซึ่งจังหวัดก็ทยอยทำตามสิ่งที่พระองค์ทรงแนะนำ ตั้งแต่ทำแก้มลิง ขุดลอกคูคลอง ขุดคลองส่งน้ำลงทะเลสาปสงขลา จากนั้นสภาพเศรษฐกิจและความเป็นอยู่คนในพื้นที่ก็ดีขึ้น ฝนตก็ไม่ท่วมหนักเหมือนแต่ก่อน
อย่างไรก็ตาม เพื่อถวายความอาลัยพระองค์ ระยะหลังนี้ตนได้ไปร่วมทำดอกไม้จันทน์ที่สนามเสือป่า เพื่อใช้ในวันถวายพระเพลิงพระบรมศพ และจากนี้ ตนจะน้อมนำคำสอนของพระองค์มาใช้กับชีวิต อาทิ ความประหยัดพอเพียง ใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า เพื่อเป็นลูกที่ดีเป็นคนไทยที่ดีต่อไป
น.ส.หทัยภัทร โรจนกิจ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงลขา กล่าวว่า ตนพร้อมเพื่อนนักศึกษาคณะเดียวกัน คือ น.ส.อุมาพร สังขวณิช นายคมศร จันทร์เลื่อน และญาติๆ รวม 7 คน ตั้งใจเหมาเช่ารถตู้เดินทางมาจาก จ.สงขลา เพื่อเข้ากราบสักการะพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยออกเดินทางมาตั้งแต่บ่าย 2 โมง ของวันที่ 25 พฤษภาคม และมาเข้าคิวต่อแถวที่ท้องสนามหลวง ช่วงตี 4 ครึ่ง เข้ากราบเสร็จในเวลา 06.30 น. รู้สึกดีใจและปลาบปลื้มใจมากที่ได้มีโอกาสมาในครั้งนี้ถือเป็นบุญต่อตนเองและครอบครัว
"ตอนที่หนูเรียนอยู่ชั้น ป.2 และพี่สาวอยู่ชั้น ป.4 หนูเคยเขียนเรียงความถึงในหลวง ร.9 และได้รับทุนการศึกษาพระราชทานจากพระองค์ท่านด้วย ซึ่งตอนนั้นหนูก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหรเพราะยังเด็ก แต่พอโตขึ้น โดยเฉพาะวันที่พระองค์ท่านสวรรคตคิดถึงพระองค์ท่านมาก จึงตั้งใจไว้เลยว่าจะต้องมากราบพระองค์ท่านให้ได้ และก็ตั้งใจว่าจะเป็นคนดีของสังคม และเดินตามรอยที่พ่อสอนไว้ไห้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะความซื่อสัตย์และความมีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์และสัตว์ ซึ่งเมื่อวันที่ 10 เมษายน 60 หนูและอุมาพร รวมทั้งเพื่อนในกลุ่ม เพิ่งได้รับรางวัลรองชนะเลิศระดับจังหวัด ด้วยคลิปวิดีโอ "สื่อสร้างสรรค์และปลอดภัยตามรอยพ่อ" ซึ่งจัดโดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสงขลา พวกเราได้ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับความซื่อสัตย์และความมีเมตรตาต่อสัตว์ เช่น การช่วยเหลือสุนัขจรจัด โดยมีพระองค์ท่านเป็นแบบอย่างทั้งการดำเนินชีวิตและการเรียน" น.ส.หทัยภัทร เล่าทั้งน้ำตาแห่งความปลื้มปีติ
ขณะที่ น.ส.อุมาพร สังขวณิช นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงลขา กล่าวเสริมว่า พวกเราเดินทางมากันเป็นครั้งแรก อยากเดินทางมาตั้งแต่พระองค์ท่านเสด็จสวรรคตช่วงแรกๆแล้ว แต่เนื่องจากยังติดเรียน ช่วงนี้ปิดเทอมจึงได้นัดหมายกันเดินทางมา พวกเราเห็นพระองค์ท่านมาตั้งแต่เราย้งเด็ก ท่านทรงพระราชทางโครงการในพระราชดำริต่างๆ ช่วยเหลือประชาชน ทั้งโครงการแก้มลิง และโครงการชัยพัฒนา เพื่อแก้ปัญหาเรื่องน้ำ และที่คนไทยรู้จักันดีและนำมาใช้คือหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พระองค์ท่านปลูกฝังให้คนไทย รวมถึงตนเองด้วยได้รู้จักใช้จ่ายอย่างประหยัด
"ที่ จ.สงขลา ก็มีโครงการในพระราชดำริมาช่วยประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นหลายโครงการ ที่จำได้ก็มีศูนย์เพาะเลี้ยงสัตว์ทะเล เป็นศูนย์เรียนรู้และอนุรักษ์ปูทะเลเพื่อไม่ให้สูญพันธุ์ และมีศูนย์การทำปะการังเทียม เพื่อให้สัตว์น้ำได้อยู่อาศัย และยังช่วยป้องกันการกัดเซาะชอบชายฟังทะเลด้วย วันนี้รู้สึกตื้นตันและดีใจมากที่ได้เห็นพระองค์ได้มาอยู่ในบรรยากาศ ในชีวิตทุกคนได้เห็นท่านแตกต่างกันไป สำหรับหนูได้มากราบท่านวันนี้ซึ่งเป็นครั้งแรกในชีวิตก็ตื้นตันใจแล้ว วันนี้หนูและเพื่อนๆ มาส่งเสด็จขอให้พระองค์เสด็จสู่สรวงสวรรค์ชั้นสูงสุด พระองค์ท่านเหนื่อยมากแล้ว" น.ส.อุมาพร กล่าวด้วยน้ำตาซึม
นางสาวจันทิมา ชัยสิทธิ์ อายุ 52 ปี ชาวอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มาพร้อมเพื่อน เข้ากราบพระบรมศพเป็นครั้งแรก กล่าวด้วยสีหน้าปลาบปลื้มใจว่า ตนและเพื่อนชาวหาดใหญ่รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในหลวง ร.9 เป็นล้นพ้น เพราะพระองค์ทำให้ อ.หาดใหญ่ เจริญอย่างทุกวันนี้ จากในปี 2530 ที่เกิดเหตุการณ์มหาอุทกภัยทั้งเมืองหาดใหญ่ บ้าน 2 ชั้นก็ยังจมน้ำ ทำให้เศรษฐกิจในพื้นที่ทรุด ความเป็นอยู่ของชาวบ้านยากลำบาก จากนั้น พระองค์เสด็จฯ มาทรงแก้ปัญหา ทรงแนะนำให้แก้ตรงนั้นทำตรงนี้ ซึ่งจังหวัดก็ทยอยทำตามสิ่งที่พระองค์ทรงแนะนำ ตั้งแต่ทำแก้มลิง ขุดลอกคูคลอง ขุดคลองส่งน้ำลงทะเลสาปสงขลา จากนั้นสภาพเศรษฐกิจและความเป็นอยู่คนในพื้นที่ก็ดีขึ้น ฝนตก็ไม่ท่วมหนักเหมือนแต่ก่อน
อย่างไรก็ตาม เพื่อถวายความอาลัยพระองค์ ระยะหลังนี้ตนได้ไปร่วมทำดอกไม้จันทน์ที่สนามเสือป่า เพื่อใช้ในวันถวายพระเพลิงพระบรมศพ และจากนี้ ตนจะน้อมนำคำสอนของพระองค์มาใช้กับชีวิต อาทิ ความประหยัดพอเพียง ใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า เพื่อเป็นลูกที่ดีเป็นคนไทยที่ดีต่อไป