นายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในช่วงเดือนมิถุนายน – สิงหาคม ของทุก มักพบเด็กป่วยเป็นโรคมือ เท้า ปากเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นฤดูฝน อากาศชื้น เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดี และเป็นช่วงที่โรงเรียนเปิดเทอมเด็กอยู่รวมกันจำนวนมาก ทำให้เกิดการแพร่กระจายโรคได้ง่าย
ข้อมูลสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค พบตั้งแต่เดือนมกราคม – 22 พฤษภาคม 2560 ทั่วประเทศมีผู้ป่วยด้วยโรคมือ เท้า ปาก แล้ว 18,343 ราย เสียชีวิต 1 ราย ส่วนใหญ่ร้อยละ 70 เป็นกลุ่มเด็กเล็ก อายุ 1-3 ปี จึงได้กำชับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด เฝ้าระวังโรคมือเท้าปาก และประสานสถานศึกษา โดยเฉพาะศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาล สถานรับเลี้ยงเด็ก ให้ดำเนินการตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขในการป้องกันและควบคุมโรคนี้
ทั้งนี้ โรคมือ เท้า ปาก ยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรค แต่ป้องกันได้ด้วยการรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล จึงขอความร่วมมือครู พี่เลี้ยงศูนย์เด็กเล็ก สถานรับเลี้ยงเด็ก และโรงเรียนอนุบาล ตรวจคัดกรองเด็กเป็นประจำทุกวันในตอนเช้า ให้เด็กล้างมือด้วยน้ำและสบู่บ่อยๆ หมั่นทำความสะอาดอุปกรณ์ เครื่องมือ ของใช้ ของเล่น เป็นประจำทุกสัปดาห์หรือทุกครั้งที่พบว่ามีเด็กป่วยเป็นโรคมือ เท้า ปาก หากพบเด็กป่วยให้แยกเด็กป่วยออกจากเด็กปกติ แจ้งให้ผู้ปกครองรับกลับบ้าน และให้หยุดเรียน พักรักษาอยู่ที่บ้านจนกว่าจะหาย
ด้านนายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคมือ เท้า ปาก เกิดจากเชื้อไวรัส ติดต่อจากการได้รับเชื้อทางปากโดยตรงจากเชื้อไวรัสที่ติดมากับมือ การใช้ช้อน แก้วน้ำร่วมกัน หรือของเล่นที่เปื้อนน้ำมูก น้ำลาย น้ำจากตุ่มพอง แผลในปาก หรืออุจจาระของผู้ป่วย ส่วนใหญ่มักไม่มีอาการ หรือมีอาการเล็กน้อย เช่น มีไข้ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ ปวดเมื่อย บางรายอาจมีไข้ ร่วมกับตุ่มพองเล็กๆ ที่ผิวหนังบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า และในปาก โดยตุ่มพองในปาก จะอักเสบ แดง มักพบที่เพดานอ่อน ลิ้น กระพุ้งแก้ม ทำให้เด็กไม่ดูดนม ไม่กินอาหารเพราะเจ็บ โดยทั่วไปจะหายเองภายใน 7-10 วัน แต่หากเด็กมีอาการรุนแรง เช่น ไข้สูง ซึม อาเจียน หอบ แขนขาอ่อนแรง กินอาหารหรือนมไม่ได้ ขอให้พาไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลทันที
ข้อมูลสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค พบตั้งแต่เดือนมกราคม – 22 พฤษภาคม 2560 ทั่วประเทศมีผู้ป่วยด้วยโรคมือ เท้า ปาก แล้ว 18,343 ราย เสียชีวิต 1 ราย ส่วนใหญ่ร้อยละ 70 เป็นกลุ่มเด็กเล็ก อายุ 1-3 ปี จึงได้กำชับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด เฝ้าระวังโรคมือเท้าปาก และประสานสถานศึกษา โดยเฉพาะศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาล สถานรับเลี้ยงเด็ก ให้ดำเนินการตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขในการป้องกันและควบคุมโรคนี้
ทั้งนี้ โรคมือ เท้า ปาก ยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรค แต่ป้องกันได้ด้วยการรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล จึงขอความร่วมมือครู พี่เลี้ยงศูนย์เด็กเล็ก สถานรับเลี้ยงเด็ก และโรงเรียนอนุบาล ตรวจคัดกรองเด็กเป็นประจำทุกวันในตอนเช้า ให้เด็กล้างมือด้วยน้ำและสบู่บ่อยๆ หมั่นทำความสะอาดอุปกรณ์ เครื่องมือ ของใช้ ของเล่น เป็นประจำทุกสัปดาห์หรือทุกครั้งที่พบว่ามีเด็กป่วยเป็นโรคมือ เท้า ปาก หากพบเด็กป่วยให้แยกเด็กป่วยออกจากเด็กปกติ แจ้งให้ผู้ปกครองรับกลับบ้าน และให้หยุดเรียน พักรักษาอยู่ที่บ้านจนกว่าจะหาย
ด้านนายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคมือ เท้า ปาก เกิดจากเชื้อไวรัส ติดต่อจากการได้รับเชื้อทางปากโดยตรงจากเชื้อไวรัสที่ติดมากับมือ การใช้ช้อน แก้วน้ำร่วมกัน หรือของเล่นที่เปื้อนน้ำมูก น้ำลาย น้ำจากตุ่มพอง แผลในปาก หรืออุจจาระของผู้ป่วย ส่วนใหญ่มักไม่มีอาการ หรือมีอาการเล็กน้อย เช่น มีไข้ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ ปวดเมื่อย บางรายอาจมีไข้ ร่วมกับตุ่มพองเล็กๆ ที่ผิวหนังบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า และในปาก โดยตุ่มพองในปาก จะอักเสบ แดง มักพบที่เพดานอ่อน ลิ้น กระพุ้งแก้ม ทำให้เด็กไม่ดูดนม ไม่กินอาหารเพราะเจ็บ โดยทั่วไปจะหายเองภายใน 7-10 วัน แต่หากเด็กมีอาการรุนแรง เช่น ไข้สูง ซึม อาเจียน หอบ แขนขาอ่อนแรง กินอาหารหรือนมไม่ได้ ขอให้พาไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลทันที