วันนี้ (24 พ.ค.) บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 203 ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
นางศรีพรรณ วิจิตรวงษ์? อายุ 52 ปี พสกนิกรจากอำเภอแปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา และพี่สาว นางทองทิพย์ บรรลุกิจ อายุ 54 ปี จาก อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ซึ่งตั้งใจมากราบสักการะพระบรมศพเป็นครั้งแรก โดยนางศรีพรรณ กล่าวว่า อธิษฐานจิตไว้ว่าจะมากราบพระบรมศพในช่วงนี้ เพราะร่างกายไม่แข็งแรง หากเจอคนเยอะ อาจทำให้ป่วยได้ เมื่อได้ขึ้นไปบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ก็รู้สึกตื้นตันใจที่สุด ในทุกๆ ปี จะได้ร้องเพลงวันเฉลิมพระชนมพรรษา แต่ปีนี้กลับต้องมากราบพระบรมศพ ก่อนหน้านี้ก็ได้มีโอกาสมากราบที่กำแพงวัง ในครั้งนั้นโชคดีมากที่มีรถตู้จิตอาสาไปส่งถึงบ้าน ทำให้เห็นถึงน้ำใจของคนไทย
ด้าน นางทองทิพย์ กล่าวว่า พระมหากรุณาธิคุณของในหลวง ร.9 มีเป็นล้นพ้น ประเทศไทยมีน้ำ มีฝน เวลาแห้งแล้งได้ชุ่มฉ่ำ ครั้งหนึ่งในหลวง ร.9 เสด็จฯ มายังเชียงใหม่ ผู้ใหญ่บ้านบอกว่าท่านจะเสด็จฯ ในครอบครัวจึงได้ไปนั่งรอรับเสด็จฯ หน้าบ้าน แม้เวลาผ่านไปเพียงครู่แต่ก็ทำให้มีความสุข และจดจำตลอดมา ซึ่งทุกวันนี้ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง พอมีพอกิน ไม่เบียดเบียนใคร ไม่โลภ ก็ทำให้มีความสุขได้
นางปิยนาฎ โกวิทตรพงศ์ แม่บ้านวัย 67 ปีเดินทางมาพร้อมลูกสาว นางสาวนลิน ศรพรหม อายุ 40 ปี จากบ้านพักย่านลาดพร้าว กล่าวว่า ตั้งใจอยากมากราบพระบรมศพนานแล้ว แต่ด้วยภารกิจที่ต้องดูแลหลานจึงเพิ่งสะดวกมาวันนี้ โดยใช้เวลาต่อแถวประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ จึงได้ขึ้นไปกราบพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศตามที่ตั้งใจไว้ พร้อมตั้งจิตอธิษฐานขอให้พระองค์ท่านเสด็จสู่สวรรคาลัย
นางศรีพรรณ วิจิตรวงษ์? อายุ 52 ปี พสกนิกรจากอำเภอแปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา และพี่สาว นางทองทิพย์ บรรลุกิจ อายุ 54 ปี จาก อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ซึ่งตั้งใจมากราบสักการะพระบรมศพเป็นครั้งแรก โดยนางศรีพรรณ กล่าวว่า อธิษฐานจิตไว้ว่าจะมากราบพระบรมศพในช่วงนี้ เพราะร่างกายไม่แข็งแรง หากเจอคนเยอะ อาจทำให้ป่วยได้ เมื่อได้ขึ้นไปบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ก็รู้สึกตื้นตันใจที่สุด ในทุกๆ ปี จะได้ร้องเพลงวันเฉลิมพระชนมพรรษา แต่ปีนี้กลับต้องมากราบพระบรมศพ ก่อนหน้านี้ก็ได้มีโอกาสมากราบที่กำแพงวัง ในครั้งนั้นโชคดีมากที่มีรถตู้จิตอาสาไปส่งถึงบ้าน ทำให้เห็นถึงน้ำใจของคนไทย
ด้าน นางทองทิพย์ กล่าวว่า พระมหากรุณาธิคุณของในหลวง ร.9 มีเป็นล้นพ้น ประเทศไทยมีน้ำ มีฝน เวลาแห้งแล้งได้ชุ่มฉ่ำ ครั้งหนึ่งในหลวง ร.9 เสด็จฯ มายังเชียงใหม่ ผู้ใหญ่บ้านบอกว่าท่านจะเสด็จฯ ในครอบครัวจึงได้ไปนั่งรอรับเสด็จฯ หน้าบ้าน แม้เวลาผ่านไปเพียงครู่แต่ก็ทำให้มีความสุข และจดจำตลอดมา ซึ่งทุกวันนี้ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง พอมีพอกิน ไม่เบียดเบียนใคร ไม่โลภ ก็ทำให้มีความสุขได้
นางปิยนาฎ โกวิทตรพงศ์ แม่บ้านวัย 67 ปีเดินทางมาพร้อมลูกสาว นางสาวนลิน ศรพรหม อายุ 40 ปี จากบ้านพักย่านลาดพร้าว กล่าวว่า ตั้งใจอยากมากราบพระบรมศพนานแล้ว แต่ด้วยภารกิจที่ต้องดูแลหลานจึงเพิ่งสะดวกมาวันนี้ โดยใช้เวลาต่อแถวประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ จึงได้ขึ้นไปกราบพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศตามที่ตั้งใจไว้ พร้อมตั้งจิตอธิษฐานขอให้พระองค์ท่านเสด็จสู่สวรรคาลัย