นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงการโยกย้าย นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ให้มาปฏิบัติราชการในตำแหน่งผู้ตรวจราชการพิเศษ สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า ได้ทาบทามนายชาญเชาวน์ไว้จริง ก่อนที่จะมีคำสั่งออกมา เพื่อเข้ามาช่วยงานด้านการปฏิรูปตำรวจ กฏหมาย และกระบวนการยุติธรรม
นายวิษณุ ยังยืนยันว่า ไม่ใช่เพราะมีความผิดหรือถูกสอบสวนทางวินัย รวมถึงไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่พันเอกปิยะวัฒน์ กิ่งเกตุ อดีตผู้บัญชาการสำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เป็นโจทก์ฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ และนายชาญเชาวน์ เป็นจำเลยฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตาม มาตรา 157 เนื่องจากคดีดังกล่าวมีคำพิพากษาอุทรณ์ให้รอลงอาญาแล้ว
ขณะเดียวกัน ยังไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่กระทรวงยุติธรรมสั่งปลดเจ้าหน้า 3,000 คน เพราะส่วนตัวทราบเรื่องดังกล่าวไม่นานมานี้ ซึ่งนายชาญเชาว์จะเข้ามารับชอบในฐานะหัวหน้าทีมปฏิรูปกฏหมาย และขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาบุคคลในแวดวงตำรวจและในกระทรวงยุติธรรมเพิ่มเติม เพื่อเข้ามาช่วยงานปฏิรูป แต่ไม่ขอยืนยันว่านายชาญเชาวน์จะเข้าร่วมในคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจหรือไม่
ทั้งนี้ นายวิษณุ ยอมรับว่า เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่นายกรัฐมนตรีสั่งให้ไปหาแนวทางในการปฏิรูปกิจการตำรวจ ในการเป็นส่วนหนึ่งในเนื้อหาเพื่อนำมาสรุป และส่งต่อให้คณะกรรมการปฏิรูปกิจการตำรวจที่กำลังจะตั้งขึ้น และสร้างเป็นโมเดลต่อไป รัฐบาลยังไม่มีแนวคิดเสนอโมเดลประกบกับโมเดลปฏิรูปกิจการตำรวจของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ หรือ สปท. ส่วนกรณีที่มีผู้เสนอให้ตำรวจขึ้นตรงกับส่วนจังหวัดนั้น เป็นเพียงการโยนหินถามทางเท่านั้น เพราะขณะนี้มีหลายโมเดล และมีการเปลี่ยนสังกัดขึ้นตรงมาโดยตลอด
นายวิษณุ ยังยืนยันว่า ไม่ใช่เพราะมีความผิดหรือถูกสอบสวนทางวินัย รวมถึงไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่พันเอกปิยะวัฒน์ กิ่งเกตุ อดีตผู้บัญชาการสำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เป็นโจทก์ฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ และนายชาญเชาวน์ เป็นจำเลยฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตาม มาตรา 157 เนื่องจากคดีดังกล่าวมีคำพิพากษาอุทรณ์ให้รอลงอาญาแล้ว
ขณะเดียวกัน ยังไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่กระทรวงยุติธรรมสั่งปลดเจ้าหน้า 3,000 คน เพราะส่วนตัวทราบเรื่องดังกล่าวไม่นานมานี้ ซึ่งนายชาญเชาว์จะเข้ามารับชอบในฐานะหัวหน้าทีมปฏิรูปกฏหมาย และขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาบุคคลในแวดวงตำรวจและในกระทรวงยุติธรรมเพิ่มเติม เพื่อเข้ามาช่วยงานปฏิรูป แต่ไม่ขอยืนยันว่านายชาญเชาวน์จะเข้าร่วมในคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจหรือไม่
ทั้งนี้ นายวิษณุ ยอมรับว่า เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่นายกรัฐมนตรีสั่งให้ไปหาแนวทางในการปฏิรูปกิจการตำรวจ ในการเป็นส่วนหนึ่งในเนื้อหาเพื่อนำมาสรุป และส่งต่อให้คณะกรรมการปฏิรูปกิจการตำรวจที่กำลังจะตั้งขึ้น และสร้างเป็นโมเดลต่อไป รัฐบาลยังไม่มีแนวคิดเสนอโมเดลประกบกับโมเดลปฏิรูปกิจการตำรวจของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ หรือ สปท. ส่วนกรณีที่มีผู้เสนอให้ตำรวจขึ้นตรงกับส่วนจังหวัดนั้น เป็นเพียงการโยนหินถามทางเท่านั้น เพราะขณะนี้มีหลายโมเดล และมีการเปลี่ยนสังกัดขึ้นตรงมาโดยตลอด