บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง วันนี้ (23 พ.ค.) ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 202 ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
นางดาพอ สมสร้อยสวัสดิ์ อายุ 42 ปี ชาวกะเหรี่ยง จากหมู่บ้านพระบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน เหมารถตู้พร้อมเพื่อนบ้านรวม 26 คน มากันเองตั้งแต่วานนี้ มาถึงท้องสนามหลวงเวลา 07.00 น. ใช้เวลาไม่นานก็ได้เข้ากราบพระบรมศพเวลา 07.30 น. กล่าวว่า ภูมิใจมากที่เกิดเป็นคนไทย เป็นลูกของพ่อหลวง ชาวกะเหรี่ยงทุกคนรักพ่อหลวงมาก นานมาแล้วท่านเคยเสด็จฯ มาหมู่บ้านของเราถึง 3 ครั้ง แล้วพระราชทานโครงการหลวงให้ชาวเขา จากที่เราทำไร่ทำนา ผลผลิตไม่ค่อยดี ก็ได้ปลูกพืชผักเสริม ไม่ว่าจะเป็นคะน้า หน่อไม้ฝรั่ง กะหล่ำปลี
นอกจากนี้ ยังทรงพระราชทานที่ดินพร้อมกับส่งเสริมอาชีพอื่นๆ ด้วย พวกเราได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์มาตลอด ตั้งแต่ในหลวง ร.9 จากไป เสียใจมาก แต่ยังไม่มีโอกาสมากราบพระองค์ นี่เป็นครั้งแรกด้วยที่ได้มากรุงเทพฯ เห็นบรรยากาศแล้วก็ปลื้มใจ ถ้าตัวเองตายแทนท่านได้ก็อยากทำ อยากให้คนไทยทุกคนรักกัน รักสามัคคี เป็นคนดีของสังคมถวายพระองค์ท่าน
นางวาสนา เพิ่มความสุข อายุ 57 ปี ข้าราชการครูจากโรงเรียนวัดพระพุทธฉาย จ.สระบุรี เดินทางมาพร้อมคณะครู นักเรียนชั้น อ.1-ป.6 และผู้ปกครองกว่า 120 คน กล่าวว่า ถือช่วงเปิดเทอมจัดกิจกรรมทัศนศึกษาพานักเรียนมากราบพระบรมศพ ด้วยอยากให้มีโอกาสใกล้ชิดพระองค์ท่านให้มากที่สุด โดยออกเดินทางมาตั้งแต่ 06.00 น. และมารอเข้าแถวช่วง 09.00 น. ใช้เวลารอไม่นานก็ได้เข้ากราบถือว่าโชคดีมากๆ
ทั้งนี้ ที่โรงเรียนได้สอนและปลูกฝังให้เด็กๆ มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สอนให้เขารู้จักและจงรักภักดี เวลาเด็กๆ เห็นพระบรมฉายาลักษณ์พระองค์ท่านก็จะรู้จักว่าเป็นในหลวง ร.9 อีกทั้งโรงเรียนได้รับพระมหากรุณาธิคุณ พระองค์เสด็จฯ มาทอดกฐิน และพระราชทานเงินกฐินให้โรงเรียนนำไปจัดสร้างอาคารเรียนเมื่อปีพ.ศ.2517 เป็นแบบ ป.1 ข 4 ห้องเรียน
นอกจากนี้ ที่โรงเรียนนำหลักคำสอนของพระองค์ท่านนำมาสอนเด็กในเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง ในเรื่องการออม เก็บเงินกับสหกรณ์โรงเรียน รวมถึงให้เด็กชั้น ป.4-ป.6 ได้เป็นมัคคุเทศก์น้อย นำชมนักท่องเที่ยวภายในวัดพระพุทธฉาย ทำให้มีรายได้อีกทางหนึ่ง และเป็นการหัดให้รุ่นพี่สอนต่อรุ่นน้อง ขณะเดียวกัน ด้วยหน้าที่การงานได้ยึดหลักความอดทน ความรัก การแบ่งปัน และไม่เลือกที่จะช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่แบ่งแยกชนชั้น อย่างที่พระองค์ทรงช่วยเหลือประชาชนคนไทยทุกคน
นางดาพอ สมสร้อยสวัสดิ์ อายุ 42 ปี ชาวกะเหรี่ยง จากหมู่บ้านพระบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน เหมารถตู้พร้อมเพื่อนบ้านรวม 26 คน มากันเองตั้งแต่วานนี้ มาถึงท้องสนามหลวงเวลา 07.00 น. ใช้เวลาไม่นานก็ได้เข้ากราบพระบรมศพเวลา 07.30 น. กล่าวว่า ภูมิใจมากที่เกิดเป็นคนไทย เป็นลูกของพ่อหลวง ชาวกะเหรี่ยงทุกคนรักพ่อหลวงมาก นานมาแล้วท่านเคยเสด็จฯ มาหมู่บ้านของเราถึง 3 ครั้ง แล้วพระราชทานโครงการหลวงให้ชาวเขา จากที่เราทำไร่ทำนา ผลผลิตไม่ค่อยดี ก็ได้ปลูกพืชผักเสริม ไม่ว่าจะเป็นคะน้า หน่อไม้ฝรั่ง กะหล่ำปลี
นอกจากนี้ ยังทรงพระราชทานที่ดินพร้อมกับส่งเสริมอาชีพอื่นๆ ด้วย พวกเราได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์มาตลอด ตั้งแต่ในหลวง ร.9 จากไป เสียใจมาก แต่ยังไม่มีโอกาสมากราบพระองค์ นี่เป็นครั้งแรกด้วยที่ได้มากรุงเทพฯ เห็นบรรยากาศแล้วก็ปลื้มใจ ถ้าตัวเองตายแทนท่านได้ก็อยากทำ อยากให้คนไทยทุกคนรักกัน รักสามัคคี เป็นคนดีของสังคมถวายพระองค์ท่าน
นางวาสนา เพิ่มความสุข อายุ 57 ปี ข้าราชการครูจากโรงเรียนวัดพระพุทธฉาย จ.สระบุรี เดินทางมาพร้อมคณะครู นักเรียนชั้น อ.1-ป.6 และผู้ปกครองกว่า 120 คน กล่าวว่า ถือช่วงเปิดเทอมจัดกิจกรรมทัศนศึกษาพานักเรียนมากราบพระบรมศพ ด้วยอยากให้มีโอกาสใกล้ชิดพระองค์ท่านให้มากที่สุด โดยออกเดินทางมาตั้งแต่ 06.00 น. และมารอเข้าแถวช่วง 09.00 น. ใช้เวลารอไม่นานก็ได้เข้ากราบถือว่าโชคดีมากๆ
ทั้งนี้ ที่โรงเรียนได้สอนและปลูกฝังให้เด็กๆ มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สอนให้เขารู้จักและจงรักภักดี เวลาเด็กๆ เห็นพระบรมฉายาลักษณ์พระองค์ท่านก็จะรู้จักว่าเป็นในหลวง ร.9 อีกทั้งโรงเรียนได้รับพระมหากรุณาธิคุณ พระองค์เสด็จฯ มาทอดกฐิน และพระราชทานเงินกฐินให้โรงเรียนนำไปจัดสร้างอาคารเรียนเมื่อปีพ.ศ.2517 เป็นแบบ ป.1 ข 4 ห้องเรียน
นอกจากนี้ ที่โรงเรียนนำหลักคำสอนของพระองค์ท่านนำมาสอนเด็กในเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง ในเรื่องการออม เก็บเงินกับสหกรณ์โรงเรียน รวมถึงให้เด็กชั้น ป.4-ป.6 ได้เป็นมัคคุเทศก์น้อย นำชมนักท่องเที่ยวภายในวัดพระพุทธฉาย ทำให้มีรายได้อีกทางหนึ่ง และเป็นการหัดให้รุ่นพี่สอนต่อรุ่นน้อง ขณะเดียวกัน ด้วยหน้าที่การงานได้ยึดหลักความอดทน ความรัก การแบ่งปัน และไม่เลือกที่จะช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่แบ่งแยกชนชั้น อย่างที่พระองค์ทรงช่วยเหลือประชาชนคนไทยทุกคน