นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความ พร้อมด้วย นายพิสิษฐ์ หล้าสุดตา กรรมการผู้จัดการบริษัทซีอินเตอร์เนชั่นแนล
โพรเซ่น โปรดักส์ จำกัด ผู้ค้าและผู้ส่งออกสัตว์น้ำรายใหญ่ของประเทศ ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานจากต่างประเทศภายใต้รหัส (TH 1301) ยื่นหนังสือต่อ นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ขอให้ประสานไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ ) เพื่อรับคดีสวมสิทธิ์ส่งออกสัตว์น้ำเป็นคดีพิเศษ
นายพิสิษฐ์ กล่าวอีกว่า เมื่อกลางปี 2558 ตนได้รับแจ้งจากกรมประมงว่า สินค้าปลาแช่แข็งของบริษัทถูกตีกลับจากประเทศแคนาดา เนื่องจากไม่ได้มาตรฐานทั้งที่ข้อเท็จจริงบริษัทไม่ได้เป็นคู่ค้ากับประเทศแคนาดา และสินค้าดังกล่าวไม่ใช่ของบริษัทตน จึงสอบถามไปยังกรมประมง แต่ถูกเพิกเฉยไม่ดำเนินการตรวจสอบให้ จึงได้ไปร้องเรียนกับประธานคณะกรรมาธิการการเกษตรฯ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ช่วยตรวจสอบ กระทั่งพบข้อมูลว่ามีบริษัทมากกว่า 4 แห่ง เกี่ยวข้องกับการสวมสิทธิ์การส่งออกสัตว์น้ำจืด รวมถึงน่าสงสัยว่ามีเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือในการปลอม และใช้เอกสารปลอมเพื่อรับรองสัญลักษณ์มาตรฐานการส่งออกสัตว์น้ำจืดไปต่างประเทศภายใต้รหัส(TH 1301)
ซึ่งเป็นรหัสของบริษัทตน ทำให้บริษัทได้รับความเสียหายไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท โดยเบื้องต้น สตช.มอบหมายให้กองปราบเป็นผู้รับผิดชอบคดี และได้ออกหมายจับผู้ต้องหา 9
ราย เป็นชาวไทย 7 ราย และต่างชาติอีก 2 ราย ซึ่งมีลักษณะกระทำเป็นขบวนการโดยแบ่งหน้าที่กันทำต่อมาคดีถูกโอนมาที่ สน.ทุ่งสองห้อง และไม่มีความคืบหน้า
ด้าน นายธวัชชัย กล่าวว่า กระทรวงจะรับข้อร้องเรียนไว้พิจารณา ซึ่งเรื่องดังกล่าวหากเป็นความจริงจะทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติเป็นอย่างมาก และไม่ได้รับการยอมรับมาตรฐานการส่งออกของไทย โดยในวันที่ 29 พ.ค. จะทำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการรับเรื่องราวร้องทุกข์ของกระทรวงยุติธรรม เพื่อพิจารณาขอบเขตความรับผิดชอบว่า อยู่ในอำนาจของหน่วยงานไหน และสามารถรับไว้เป็นคดีพิเศษได้หรือไม่
โพรเซ่น โปรดักส์ จำกัด ผู้ค้าและผู้ส่งออกสัตว์น้ำรายใหญ่ของประเทศ ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานจากต่างประเทศภายใต้รหัส (TH 1301) ยื่นหนังสือต่อ นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ขอให้ประสานไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ ) เพื่อรับคดีสวมสิทธิ์ส่งออกสัตว์น้ำเป็นคดีพิเศษ
นายพิสิษฐ์ กล่าวอีกว่า เมื่อกลางปี 2558 ตนได้รับแจ้งจากกรมประมงว่า สินค้าปลาแช่แข็งของบริษัทถูกตีกลับจากประเทศแคนาดา เนื่องจากไม่ได้มาตรฐานทั้งที่ข้อเท็จจริงบริษัทไม่ได้เป็นคู่ค้ากับประเทศแคนาดา และสินค้าดังกล่าวไม่ใช่ของบริษัทตน จึงสอบถามไปยังกรมประมง แต่ถูกเพิกเฉยไม่ดำเนินการตรวจสอบให้ จึงได้ไปร้องเรียนกับประธานคณะกรรมาธิการการเกษตรฯ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ช่วยตรวจสอบ กระทั่งพบข้อมูลว่ามีบริษัทมากกว่า 4 แห่ง เกี่ยวข้องกับการสวมสิทธิ์การส่งออกสัตว์น้ำจืด รวมถึงน่าสงสัยว่ามีเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือในการปลอม และใช้เอกสารปลอมเพื่อรับรองสัญลักษณ์มาตรฐานการส่งออกสัตว์น้ำจืดไปต่างประเทศภายใต้รหัส(TH 1301)
ซึ่งเป็นรหัสของบริษัทตน ทำให้บริษัทได้รับความเสียหายไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท โดยเบื้องต้น สตช.มอบหมายให้กองปราบเป็นผู้รับผิดชอบคดี และได้ออกหมายจับผู้ต้องหา 9
ราย เป็นชาวไทย 7 ราย และต่างชาติอีก 2 ราย ซึ่งมีลักษณะกระทำเป็นขบวนการโดยแบ่งหน้าที่กันทำต่อมาคดีถูกโอนมาที่ สน.ทุ่งสองห้อง และไม่มีความคืบหน้า
ด้าน นายธวัชชัย กล่าวว่า กระทรวงจะรับข้อร้องเรียนไว้พิจารณา ซึ่งเรื่องดังกล่าวหากเป็นความจริงจะทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติเป็นอย่างมาก และไม่ได้รับการยอมรับมาตรฐานการส่งออกของไทย โดยในวันที่ 29 พ.ค. จะทำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการรับเรื่องราวร้องทุกข์ของกระทรวงยุติธรรม เพื่อพิจารณาขอบเขตความรับผิดชอบว่า อยู่ในอำนาจของหน่วยงานไหน และสามารถรับไว้เป็นคดีพิเศษได้หรือไม่